จัดฟันแบบโลหะ (Metal Bracket) หรือที่หลายคนเรียกว่า จัดฟันเหล็ก จัดฟันยางสี เป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะสามารถทำได้ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะวัยรุ่นการจัดฟันยางสีถือเป็นเทรนด์ที่หลายคนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นการจัดฟันที่ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบอื่น ๆ อีกทั้งยังสามารถเลือกสียางที่ติดบนเครื่องมือจัดฟันได้ตามบุคลิกของแต่ละคน ทำให้นอกจากแก้ปัญหาฟัน มีฟันสวยสุขภาพดีแล้ว ยังสนุกสนานกับแฟชั่นการจัดฟันได้ด้วย
จัดฟันแบบโลหะ จัดฟันยางสี (Metal Bracket)จัดฟันแบบโลหะ/การจัดฟันยางสี
จัดฟันแบบโลหะ (Metal Bracket)
จัดฟันโลหะ คือรูปแบบการจัดฟัน (Orthodontics) ประเภทที่มีเครื่องมือยึดติดแน่นกับฟัน จัดว่าเป็นทันตกรรมเพื่อความงาม ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดจากการเรียงตัวของฟันไม่เหมาะสม ทำให้เกิดภาวะเช่น ฟันซ้อน ฟันเก การสบฟันที่ไม่ดี รวมถึงความสัมพันธ์ของขากรรไกรฟัน ส่งผลให้เกิดปัญหาในการบดเคี้ยวอาหาร ขาดความมั่นใจในบุคลิกภาพ
จัดฟันโลหะ จัดฟันเหล็ก เป็นยังไง
เป็นการจัดฟันโดยการติดเครื่องมือแบบโลหะไว้ที่ผิวด้านหน้าของฟัน แล้วใส่ลวดผ่านร่อง Bracket จากนั้นใช้ยางโอริง (O-ring ) ที่มีสีสันสดใสรัดที่ตัวเครื่องมือจัดฟัน ให้ติดแน่นกับลวดจัดฟัน แต่จะต้องมีการปรับเครื่องมือทุก ๆ เดือน ด้วยเครื่องมือที่วัสดุเป็นโลหะ ผิวเรียบเป็นมันวาว จึงทำให้คราบอาหารและจุลินทรีย์ติดได้ยากกว่าวัสดุชนิดอื่น และยังเป็นการติดที่ด้านนอกของฟัน จึงสามารถทำความสะอาดได้ง่าย และสะดวกมาก
อุปกรณ์ในการ จัดฟันแบบยางสีอุปกรณ์ในการจัดฟันโลหะ
ข้อดีของการจัดฟันโลหะ
ช่วยให้ฟันเก ฟันห่าง ฟันซ้อน เรียงตัวสวยงาม เป็นระเบียบอย่างเหมาะสม
ช่วยให้การสบฟันดีขึ้น ส่งผลให้การบดเคี้ยวอาหารทำได้ดีขึ้น
ช่วยให้สุขภาพช่องปากและฟันดีขึ้น เพราะเมื่อฟันเรียงตัวเป็นระเบียบ การทำความสะอาดจึงเข้าถึงฟันทุกซี่ ทำให้ฟันผุน้อยลง
ช่วยให้กลิ่นปากลดลง จากการที่สามารถทำความสะอาดช่องปากได้อย่างทั่วถึง
ช่วยให้ฟันเข้าที่ ทำให้โครงสร้างใบหน้าให้ดูสมส่วนมากขึ้น
ช่วยส่งเสริมให้มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ยิ้มสวยขึ้น เพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้น
ข้อเสียของการจัดฟันโลหะ
ในช่วงการจัดฟันโลหะ หรือจัดฟันเหล็กและช่วงการเคลื่อนของฟันจะมีอาการตึง ๆ ปาก และรู้สึกเจ็บบ้าง
ระหว่างที่จัดฟันโลหะอยู่จะทำความสะอาดฟันได้ยากกว่าปกติ ถ้าดูแลรักษาไม่ดีพออาจทำให้มีกลิ่นปากและเกิดฟันผุได้
หลังจัดฟันโลหะเสร็จ ยังคงต้องใส่รีเทนเนอร์ หรือเครื่องมือคงสภาพฟันตามคำแนะนำของทันตแพทย์
อาจทำให้การพูดหรือการออกเสียงไม่ชัดเจน
ต้องพบทันตแพทย์บ่อย และใช้เวลานาน 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล
มีค่าใช้จ่ายสูง แม้จะถูกกว่าเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบอื่นก็ตาม
การจัดฟันโลหะเหมาะกับใคร
การจัดฟันโลหะหรือจัดฟันเหล็ก สามารถทำได้ตั้งแต่วัยรุ่นจนกระทั่งถึงวัยผู้ใหญ่ ที่มีปัญหาการเรียงตัวของฟันไม่เหมาะสมหรือมีปัญหาการสบฟัน แต่แนะนำว่าสำหรับเด็กวัยรุ่น ควรจัดฟันโลหะเมื่อมีฟันแท้ขึ้นครบแล้ว หรือเมื่อมีอายุประมาณ 11-13 ปี
ขั้นตอนจัดฟันโลหะ
นัดหมายกับทันตแพทย์เพื่อตรวจวิเคราะห์ปัญหาฟันและช่องปาก รวมถึงหาความสมดุลของใบหน้าและขากรรไกร เพื่อให้สามารถทำการรักษาด้วยการจัดฟันโลหะได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรงกับความต้องการ
ทันตแพทย์จะให้ทำการถ่ายเอ็กซเรย์ เพื่อให้ได้ข้อมูลรายละเอียดของช่องปาก ฟันอย่างชัดเจน เห็นถึงความผิดปกติของกระดูกและฟัน ดูการยื่นของฟันบนฟันล่าง
เมื่อทำการเอ็กซเรย์และได้ข้อมูลพร้อม รวมถึงเห็นปัญหาอย่างชัดเจน ทันตแพทย์จะทำการวิเคราะห์ วางแผนในการรักษาและจัดฟันโลหะให้กับคนไข้ บางคนอาจต้องถอนฟันบางส่วน หรือบางคนอาจไม่ต้องถอน ขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละบุคคล
ทันตแพทย์จะเลือกเครื่องมือจัดฟันให้กับคนไข้ตามความเหมาะสมและความสะดวกของคนไข้ เช่น จัดฟันเหล็ก
ทันตแพทย์จะติดเครื่องมือจัดฟันให้คนไข้ และนัดมาปรับเครื่องมือเป็นระยะ ๆ โดยความถี่จะขึ้นอยู่กับปัญหาการสบฟันของคนไข้ และชนิดของเครื่องมือจัดฟัน
เมื่อจัดฟันโลหะแล้ว คนไข้ยังคงต้องใส่รีเทนเนอร์เป็นประจำ และต้องทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ตลอดระยะเวลาของการใส่รีเทนเนอร์
กลับมาตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำทุกปีหลังจัดฟันเสร็จ เพื่อให้ฟันยังคงเรียงตัวสวย มีสุขภาพดีอย่างต่อเนื่อง
ขั้นตอนการจัดฟันโลหะขั้นตอนการจัดฟันโลหะ
ระยะเวลาในการรักษาการจัดฟันโลหะจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างฟัน ระยะเวลาการเคลื่อนตัวของฟัน รวมถึงปัญหาทางด้านสุขภาพฟันของแต่ละคน ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1-3 ปี แต่บางคนก็อาจใช้เวลานานกว่านี้ เนื่องจากต้องมีการถอนฟัน และมีการผ่าตัดร่วมกับการจัดฟันโลหะด้วย ดังนั้นก่อนตัดสินใจจัดฟันโลหะ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อตรวจและประเมินการรักษาให้รับทราบข้อมูลที่ชัดเจนเสียก่อน
จัดฟันแบบโลหะ จัดฟันเหล็ก จัดฟันยางสี อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/