แชร์ไอเดียชุดทำงาน ผู้ชายแบบปังๆ ช่วยเสริมลุคให้ดูดียิ่งขึ้น

[siritidaphon]

งานแต่งงานเป็นหนึ่งในงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งคู่บ่าวสาว และแขกร่วมงานที่ต้องการมาแสดงความยินดีภายในงานจึงต้องใส่ใจเรื่องการแต่งตัวเป็นพิเศษ สังเกตได้เลยว่าไม่ว่าจะชุดเจ้าบ่าว ชุดเจ้าสาว หรือชุดผู้ร่วมงานก็มักจะพิถีพิถันกันทั้งนั้น ไม่เพียงเพื่อให้ตัวเองดูดี แต่ยังเป็นการให้เกียรติและสร้างความทรงจำดีๆ ให้วันสำคัญนี้กลายเป็นวันที่ไม่อาจหลงลืมของทุกคนไปได้ด้วย

ทว่าผู้ชายหลายคนไม่ใช่คนแต่งตัวเก่ง พอถึงเวลาหาชุดไปงานแต่งผู้ชาย ก็มักจะไม่รู้ว่าต้องใส่อะไรดี บทความนี้จึงมาแนะนำชุดหรือไอเทมสำหรับไปงานแต่งที่ผู้ชายควรมีติดตู้เสื้อผ้า รวมถึงไอเดียการจับคู่ชุดในสไตล์ต่างๆ รับรองว่าเสริมความมั่นใจได้อีกเป็นกอง


เช็กลิสต์ชุดและไอเทมสำหรับไปงานแต่งของผู้ชายที่ควรมีติดตู้

ชุดไปงานแต่งผู้ชายไม่จำเป็นต้องน่าเบื่อ ซ้ำเดิม หรือหายากเสมอไป เพียงแค่มีเสื้อ กางเกง รองเท้า และแอคเซสเซอรี่ดีๆ ประยุกต์ง่ายๆ อยู่กับตัวก็เพียงพอสำหรับนำมาสรรสร้างเป็นชุดสุดพิเศษได้แล้ว ไปดูกันว่ามีเสื้อผ้าอะไรบ้างที่มีไว้แล้วแมทช์ได้มันส์ ตอบโจทย์งานแต่งได้หลาดแนวแน่นอน


เสื้อผ้า

เสื้อนับว่าเป็นเครื่องแต่งกายชิ้นแรกๆ ที่หลายคนหยิบขึ้นมาลอง บอกเลยว่าเสื้อผ้าที่เหมาะจะไปงานแต่งของผู้ชายนั้นหาไม่ยาก และมีให้เลือกหลากหลายแบบ อีกทั้งแต่ละแบบก็มีความโดดดเด่นต่างกันไปอีกด้วย เช่น

    เสื้อสูท/ชุดสูท: มีจุดเด่นที่จับคู่มาแล้วเป็นเซ็ต ง่าย ไม่ต้องกลัวว่าจะหากางเกงที่เข้าคู่กันไม่ได้ ชุดสูทมักมาพร้อมความรู้สึกเนี๊ยบ เรียบหรู ดูหล่ออย่างมีภูมิฐาน
    เสื้อเชิ้ต: หาง่าย มีความยืดหยุ่นในการประยุกต์ ผสมผสานได้หลากหลายสไตล์ ให้ความรู้สึกสบายๆ เป็นกันเอง
    เสื้อโปโล: เรียบง่ายอย่างมีเอกลักษณ์  ใส่สบาย และไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก ให้ความรู้สึกลุยๆ ดูมีกำลังและดูมีชีวิตชีวา
    แจ็คเก็ต / เบลเซอร์: เป็นเสื้อที่สามารถบดบังหุ่นได้อย่างดี ทำให้ไม่ว่าใครเป็นคนใส่ ก็ดูมีเสน่ห์ มีความเท่อยู่เสมอ


กางเกง

กางเกงที่ดีจะช่วยขับส่งให้ชุดไปงานแต่งสำหรับผู้ชายนั้นดูดีไปด้วย สำหรับงานที่เป็นทางการอย่างงานแต่งก็ควรจะเป็นขายาวเข้าไว้ แต่หากเป็นงานเล็กๆ อบอุ่น สบายๆ หรือปักสถานที่ไว้ริมทะเลชิลๆ ขาสั้นก็อาจจะเป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับสไตล์ของงานแต่งนั้นด้วย

    กางเกงชิโน่: เป็นกางเกงที่สวมง่าย เด่นที่ความสบาย และสามารถใส่ได้แทบจะทุกโอกาส แถมยังมีให้เลือกหลายสี สามารถพับขากางเกงให้เต่อขึ้นเพื่อสร้างมิติ หรือใส่ปกติเป็นสไตล์วินเทจก็ได้
    กางเกงสแล็ค: เป็นกางเกงที่ผู้ชายเกือบทุกคนมีติดตู้เสื้อผ้าอยู่แล้ว แม้ว่าปกติจะใช้จับคู่เพื่อให้ได้ชุดที่เป็นทางการ แต่ก็ใช่ว่ากางเกงสแล็คจะต้องเรียบร้อยอยู่ในกรอบเสมอไป หากนำไปประยุกต์คู่กับเสื้อแบบอื่นๆ ก็ให้ความรู้สึกที่หลากหลายได้ เช่น ลองหยิบไปสวมคู่กับเสื้อแจ็คเก็ต ก็จะดูสตรีทขึ้นมาทันที
    กางเกงทรงกระบอก: สามารถใส่แบบพอดีตัว ให้ดูเรียบ เนียน คล่องแคล่วว่องไว หรือใส่แบบขาบาน เพื่อให้ดูเป็นสายแฟชั่นมากขึ้นก็ได้
    กางเกงยีนส์: เป็นทางเลือกคลาสสิก แต่งง่าย เข้ากับชุดได้หลากหลายสไตล์ ให้อารมณ์ที่ไม่เป็นทางการเกินไป แต่ถ้าเลือกเสื้อให้เหมาะก็ทำให้ดูดีมีภูมิฐานได้


รองเท้า

ถ้าเสื้อสวย กางเกงเป๊ะ  ทว่ารองเท้าไม่เข้ากัน ก็อาจจะทำให้ทั้งลุคดูดรอปลงได้ รองเท้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม้จะดูเป็นจุดเล็กๆ ก็ตาม สำหรับการเตรียมชุดไปงานแต่งของผู้ชายนั้น รองเท้าส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ความทางการ แต่ก็มีตัวเลือกสบายๆ ให้เลือกสรร เช่น

    รองเท้าออกซ์ฟอร์ด (Oxford): มีดีไซน์ทั้งแบบเป็นทางการ และแบบใส่ได้ทั่วไป  มีวัสดุให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบหนัง หรือแบบผ้า สามารถใส่ผสมผสานกับเสื้อเชิ้ตและกางเกงได้หลายแบบ ให้อารมณ์ที่เป็นทางการและดูก้าวหน้า
    รองเท้าโลฟเฟอร์ (Loafer): เป็นรองเท้าสไตล์ที่ไม่มีเชือก เข้ากันได้ดีกับกางเกงชิโน เสื้อเชิ้ต และเบลเซอร์ หรือใส่กับเสื้อโปโลเพื่อให้ได้ลุคลำลอง ไม่ดูเป็นทางการเกินไป
    รองเท้าโบรก (Brogue): เป็นรองเท้าที่มีความทางการ แต่มีดีไซน์ที่ทำให้สามารถระบายน้ำและความชื้นออกจากรองเท้าได้ดี มาพร้อมลวดลายหลายแบบที่สามารถทำให้ดูทันสมัยขึ้นได้ เหมาะใส่กับสูท
    รองเท้าผ้าใบ (Sneaker): หาได้ง่ายและมีหลากหลายสไตล์ให้เลือก เหมาะกับการแต่งตัวสไตล์สตรีท ไม่เน้นเรื่องความเป็นทางการ
    รองเท้าดับเบิล มังค์ สแตรป (Double Monk Strap): เป็นรองเท้าที่เป็นทางการแต่ไม่มากเท่ากับรองเท้าทางการอื่นๆ เข้ากันได้ดีกับเสื้อสูทหรือกางเกงยีนส์ ให้อารมณ์ของความเรียบร้อย ดูภูมิฐาน


แอคเซสเซอรี่อื่นๆ

นอกจากเสื้อผ้า หรือรองเท้า แอคเซสเซอรี่ยังเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่สามารถช่วยเพิ่มลูกเล่นทำให้ชุดใส่ไปงานแต่งผู้ชายชุดนั้นโดดเด่น ช่วยเติมเต็มลุคให้สมบูรณ์แบบ และเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ลองหยิบแอคเซสเซอรี่เหล่านี้มาประยุกต์ใช้ดู

    เนคไท: อุปกรณ์เสริมสุดคลาสสิคที่มีข้อดีคือสไตล์หลากหลาย นอกจากจะมีลายมากมายจนเลือกไม่หมด ยังสามารถผูกได้หลายแบบด้วย เรียกว่าชิ้นเดียวครบหลายรส เข้าได้กับชุดสูทหรือเสื้อเชิ้ตหลายแบบ
    นาฬิกา: จะเลือกแบบวินเทจ ร่วมสมัย หรือแบบดิจิทัลหรูล้ำก็ได้หมด โดยให้ลุคที่ต่างกันไป ทำให้สามารถผสมผสานกับอีกหลายๆ สไตล์ได้อย่างง่ายดาย
    กระเป๋าถือ: เลือกกระเป๋าถือแบบแฟ้มก็จะช่วยให้ดูทะมัดทะแมงขึ้น โดยเฉพาะลายเรียบๆ สีเข้ม เช่นน้ำตาล ดำ หรือน้ำเงิน นอกจากเท่แล้ว ยังสามารถใช้เก็บกระเป๋าตังค์หรือโทรศัพท์ ได้ ช่วยให้กระเป๋ากางเกงดูเรียบ เนี้ยบ ไม่ต้องใส่ของไว้จนพองโต
    สายเอี๊ยม: เป็นอุปกรณ์ง่ายๆที่ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับเสื้อเชิ้ตธรรมดาๆ ได้ เสริมความรู้สึกที่เยาว์วัย มีพลังล้นเหลือ และดูสนุกสนาน
    กระดุมข้อมือ: เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เสื้อผ้าเข้ารูปดูมีมิติมากขึ้น ซึ่งกระดุมข้อมือก็มีหลากหลายแบบ จะเลือกแบบมินิมอล ดูคูลๆ หรือเหมือนเครื่องประดับสวยๆ ดูหรูก็ได้ทั้งนั้น
    กำไลข้อมือ: กำไลข้อมือมีหลากหลายแบบเช่นเดียวกับนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นแบบเรียบๆ จนถึงแบบที่มีการตกแต่งหรูหรา ช่วยให้ดูเท่ก็ได้ ช่วยให้ดูภูมิฐานก็ดี
    เข็มกลัดสูท: เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้สูทดูมีมิติมากขึ้น ไม่เรียบร้อยจนเกินไป ซึ่งเข็มกลัดก็สามารถมีได้หลายแบบ ทั้งแบบที่หรูหรา หรือแบบที่แสดงให้เห็นถึงความสนุกสนาน สามารถใช้ได้หลายลุค


ตัวอย่างการเลือกชุดสำหรับไปงานแต่งสำหรับคุณผู้ชาย

หลังจากได้รู้จักเสื้อผ้าและเครื่องประดับแต่ละชิ้นแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องเลือกมิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้าชิ้นต่างๆ เข้าด้วยกัน มาดูตัวอย่างชุดใส่ไปงานแต่งผู้ชายหลากสไตล์กัน

Classic menswear

Classic menswear เป็นสไตล์ที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าใครก็สามารถแต่งได้  โดยจับคู่ระหว่างเสื้อจำพวกเสื้อโปโล กับกางเกงผ้าวูล และรองเท้าผ้าใบ เสริมด้วยกำไลข้อมือ ออกมาเป็นสไตล์ Classic menswear ที่เข้าได้ง่ายกับใครหลายๆ คน และยังคงมีความเป็นทางการอยู่


Elegant formal dress

Elegant formal dress เป็นสไตล์ที่เพิ่มความทางการมากขึ้น แต่ก็ให้กลิ่นอายหรูหรา สง่างาม เสื้อผ้าแบบนี้แตกต่างจาก Classic menswear ตรงที่จะมีความเป็นทางการสูงกว่า การแต่งตัวด้วยสไตล์นี้ เช่น เสื้อเชิ้ต ทับด้วยชุดสูท ควบด้วยรองเท้าออกซ์ฟอร์ด เสริมด้วยกระดุมมือเพื่อความเลิศหรู เป็นต้น เรียกว่าเหมาะกับชุดใส่ไปงานแต่งผู้ชายสุดๆ


Vintage clothing

สำหรับงานแต่งที่มีสไตล์ธรรมชาติ หรือจัดนอกอาคาร สไตล์วินเทจก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ สไตล์วินเทจจะนำแฟชั่นเก่าๆ มาชุบชีวิตใหม่ โดยเน้นสีเอิร์ธโทน หากอยากแต่งสไตล์นี้ก็สามารถใช้เสื้อเชิ้ต ทับด้วยแจ็คเก็ตทรงสปอร์ต หรือเบลเซอร์ กับกางเกงชิโน่ ผสมด้วยรองเท้าบูทหรือรองเท้าอื่นๆ แบบหุ้มข้อ เท่านี้ก็ได้ชุดใส่ไปงานแต่งผู้ชายลุควินเทจสุดเก๋ ไม่ซ้ำใคร


Versatile jean

สไตล์นี้เน้นใช้กางเกงยีนส์เป็นเครื่องแต่งกายหลัก แล้วค่อยเสริมองค์ประกอบอื่นๆ เข้าไปโดยยังคงยึดยีนส์เป็นศูนย์กลาง ใครที่อยากประยุกต์สไตล์นี้ให้เหมาะกับงานแต่งก็สามารถเลือกหยิบเสื้อเชิ้ต มาใส่คู่กับกางเกงยีนส์ทรงกระบอกใหญ่ และตบท้ายด้วยรองเท้ามีพู่แบบหนังกลับ เท่านี้ก็ดูดีพร้อมไปงานแต่งได้แล้ว


Smart casual

Smart casual คือการผสมผสานเสื้อผ้าที่ใช้ไปเที่ยวประจำวันเข้ากับเสื้อผ้าที่เป็นทางการหรือเสื้อผ้าที่ใส่ทำงาน โดยวิธีการแต่งก็ไม่ยากเลย เพียงนำเสื้อเชิ้ตมาผสมกับกางเกงชิโน่ แล้วเสริมด้วยรองเท้าโลฟเฟอร์ เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมใส่ไปงานแต่งแล้ว

 
ข้อควรระวังในการหาชุดใส่ไปงานแต่งผู้ชาย

    ควรรู้ก่อนว่าสถานที่จัดงานแต่งเป็นอย่างไร แล้วจึงค่อยเลือกชุดใส่ไปงานแต่ง เช่น จัดงานในที่ร่ม หรือกลางแจ้ง ควรใส่ชุดที่เหมาะกับอุณหภูมิและสถานที่ด้วย
    แต่งชุดใส่ไปงานแต่งผู้ชายให้เหมาะสมกับธีมของงาน และไม่แย่งซีนเจ้าของงาน เพื่อให้วันสำคัญนี้เป็นของพวกเขาจริงๆ
    ควรดูให้ดีว่าเจ้าของงานแต่ง ต้องการให้แต่งชุดเป็นทางการหรือแต่งแบบสบายๆ ได้


สรุป

งานแต่งงานเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่หลายคนเฝ้ารอ ดังนั้น การเลือกชุดใส่ไปงานแต่งเพื่อเป็นการแสดงความยินดีและให้เกียรติกับคู่บ่าวสาวถือว่าสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นชุดใส่ไปงานแต่งของแขกผู้หญิง หรือชุดใส่ไปงานแต่งผู้ชายก็ตาม หลายคนอาจกังวลว่าชุดแขกผู้ชายนั้นหายาก แต่จริงๆ แล้วมีชุดให้เลือกหลากหลายสไตล์ ขึ้นอยู่กับสถานที่ ธีมงานแต่ง หรือความสัมพันธ์ระหว่างตัวผู้ร่วมงานกับคู่บ่าวสาวด้วยที่จะเป็นตัวกำหนด แค่แต่งให้เข้ากับสถานที่ เลือกลุคที่มั่นใจ พร้อมกับถือของขวัญแต่งงานดีๆ ไปสักชิ้น เท่านี้ก็พร้อมไปร่วมงานมงคลแล้วอ


แชร์ไอเดียชุดทำงาน ผู้ชายแบบปังๆ ช่วยเสริมลุคให้ดูดียิ่งขึ้น อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://uniformdeluxe.com/