แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 48
1
รวมฉนวนกันความร้อน 4 ชนิดที่ยอดนิยม

ความรู้คู่ช่างกลับมาอีกแล้วครับ วันนี้เรารวบรวมฉนวนที่นิยมใช้ 4 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น ฉนวนกันความร้อนแบบ PE, ไฟเบอร์กลาส, ฉนวนเยื่อกระดาษ หรือ PU FOAM สรุปคุณสมบัติมาให้พร้อม รับรองดูจบเข้าใจความต่าง ใช้งานได้ตรงจุดแน่นอน!

รวมฉนวนกันความร้อน 4 ชนิดที่ยอดนิยม

1.1 PE Aluminium Foil PE 5 มม. รุ่นอะลูมิเนียมฟอยล์

- ทำจากเม็ดพลาสติก LDPF ปลอดภัยไม่มีสารพิษ

- การนำความร้อนต่ำเพียง 0.029 W/m.K (ASTM C-177)

- การสะท้อนรังสีความร้อน 95% และช่วยป้องกัน การส่งผ่านความร้อน จากภยนอก เข้าสู่ภายในตัวอาคาร ได้เป็นอย่างดี ยังช่วยไม่ให้สูญเสียความเย็น จากภายในตัวอาคารอีกด้วย

- โครงสร้างมีลักษณะเป็นฉนวนเซลปิด 100%

- น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง ติดตั้งง่าย

- ป้องกันรังสี UV อายุการใช้งานยาวนาน มากกว่าแบบ Metalized Film เนื่องจากมีความทนทานต่อการ ทำลายของรังสี UV

- ไม่ดูดซับน้ำ ต้านทานการซึมผ่านไอน้ำสูง

- ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย

- อายุการใช้งานยาวนาน ไม่เกิดการเปื่อยยุ่ยง่ายภายใน 5 ปี

- ค่าการนำความร้อนต่ำ และดีที่สุดในฉนวนที่ใช้งานในลักณระเดียวกัน

1.2 PE Metalized Film PE 5 มม. รุ่นเมทัลไลท์

- ทำจากเม็ดพลาสติก LDPF ปลอดภัยไม่มีสารพิษ

- การนำความร้อนต่ำเพียง 0.029 W/m.K (ASTM C-177)

- การสะท้อนรังสีความร้อน 86% และช่วยป้องกัน การส่งผ่านความร้อน จากภยนอก เข้าสู่ภายในตัวอาคาร ได้เป็นอย่างดี ยังช่วยไม่ให้สูญเสียความเย็น จากภายในตัวอาคารอีกด้วย

- โครงสร้างมีลักษณะเป็นฉนวนเซลปิด 100%

- น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง ติดตั้งง่าย

- ป้องกันรังสี UV

- ไม่ดูดซับน้ำ ต้านทานการซึมผ่านไอน้ำสูง

- ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย

- อายุการใช้งานยาวนาน

- ค่าการนำความร้อนต่ำ และดีที่สุดในฉนวนที่ใช้งานในลักษณะเดียวกัน

2. ฉนวนไฟเบอร์กลาส

- สามารถใช้กับอุณหภูมิ 60 องศา ถึง 250 องศา

- ทนไฟ ไม่ติดไฟ

- การนำความร้อนต่ำ

- การซึมผ่านของไอที่เหมาะสม

- การดูดซับเสียงที่ดี

- ความต้านทานต่ออุณหภูมิต่ำ

- เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อองค์ประกอบของสุขภาพ

- ติดตั้งง่าย

3. ฉนวนเยื่อกระดาษ

- ใช้ควบคุมอุณหภูมิความร้อนได้เป็นอย่างดี กันความร้อนได้มากกว่า 90%

- กันเสียงลอดผ่าน ช่วยควบคุมเสียงดูดซับได้ในอัตรา 75% ขึ้นไป

- ถ้าใช้พ่นที่ผนังเบาช่วยลดเสียงได้กว่า 50 เดซิเบล

- ใส่สารไม่ลามไฟ ติดไฟแต่ชลอการลามไฟได้ระยะหนึ่ง ไม่สารเจือปน

- ติดตั้งง่ายไม่หลุดร่วง ฉีดพ่นได้ทุกสภาพ พื้นผิว มีน้ำหนัก

- ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า 40 %

- ไม่ทำให้เกิดเชื้อรา ไม่เป็นแหล่งอาหารของหนู แมลงสาบ มดปลวก

- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

4. ฉนวนโพลียูรีเทน

-กันความร้อน-ความเย็น ลดความร้อนได้มากกว่า 90%

- ช่วยลดเสียงดังได้ประมาณ 40 เดซิเบล

- ติดแน่นเป็นเดียวกับวัสดุ ที่ฉีดพ่นใช้ได้เกืแบทุกชนิด ไร้รอยต่อของฉนวน

- มีประสิทธิภาพในการใช้งานในอุณหภูมิ 70-100 องศาเซเซียส

- ทนทานต่อ กรด ด่าง

- น้ำหนักเบามีความสวยงาม แข็งแรงไม่แตกกร่อน

- ติดตั้งง่าย เซ็ทตัวเพียง 3 วินาที และแข็งตัวภายใน 20 วินาที

- ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้มากกว่า 40 %

- ใส่สานไม่ลามไฟจึงช่วยชลอไฟไหม้เมื่อเกิดอัคคีภัย

- ทนต่อหนูและแมลงต่างๆ

2
บริการด้านอาหาร: สุดยอดอาหารต้านมะเร็ง สำหรับสาวๆ

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า อาหารคือยาที่ดีที่สุด เพราะเมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป นอกจากจะให้พลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตแล้ว ยังมีองค์ประกอบของอาหารบางชนิดที่ไม่จัดเป็นสารอาหารแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายที่สามารถช่วยป้องกันและส่งเสริมการรักษาโรคได้ จะเห็นได้ว่าโรคร้ายหลักที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยอันดับต้นๆ ได้แก่ โรคมะเร็ง โรคที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ ภาวะไขมันในเลือดสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับโรคเรื้อรัง

โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง มีความเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการ และการไม่ออกกำลังกาย ซึ่งโรคและอาการบางชนิดสามารถป้องกันและบรรเทาอาการได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เปรียบเสมือนกับการรับประทานอาหารให้เป็นยา โดยมีหลักการบริโภคคือ รับประทานให้เพียงพอและหลากหลาย เลือกชนิดอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ และมีหลากหลายสีสัน ซึ่งโรคร้ายอันดับต้นๆอย่างมะเร็ง ส่วนใหญ่อัตราการเสียชีวิตมาจากการขาดสารอาหาร ดังนั้น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จึงช่วยทำให้ร่างกยของเราปราศจากโรคภัยไข้เจ็บได้

สำหรับวันนี้จะมาพูดถึงเรื่องของการรับประทานอาหารที่สามารถช่วยต้านโรคมะเร็ง ให้กับสาวๆได้ ซึ่งอาหารต้านมะเร็งในปัจจุบัน ส่วนมากมักอยู่ในรูปของผักและผลไม้ ที่ได้รับการรองรับว่าไม่พบสารตกค้างจึงจำเป็นมาก แม้ว่าอาหารเป็นแค่หนึ่งทางในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง หรือถึงวัยที่ต้องตรวจเต้านม ควรรับการตรวจคัดกรองทุกปีเพื่อป้องกันโรคในอนาคต

สำหรับอาหารที่มีฤทธิ์ต้านโรคมะเร็ง ได้แก่ ผักตระกูลครูซิเฟอรัสได้แก่ บร็อคโคลี่ กะหล่ำดอก ผักกลุ่มนี้อุดมด้วยสารประกอบที่ชื่อ อินโดล-ทรี-คาร์บินัลและซัลโฟราเฟน ซึ่งจะเพิ่มการขับฮอร์โมนเอสโตรเจนชนิดที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านมออกมา นอกจากนี้ สารประกอบสองตัวนี้ สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกด้วย การรับประทาน นิยมลวกในน้ำเดือดไม่เกิน 2-3 นาที หรือรับประทานต้นอ่อนแรกแตกหน่อแบบสดๆ จะได้สารอาหารที่สูงเช่นกัน อาหารต่อมาคือ เห็ด เพราะมีสรรพคุณในการเพิ่มภูมิต้านทานร่างกาย ต่อต้านอนุมูลอิสระ ซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายและป้องกันมะเร็ง แนะนำให้ทานเห็ดต่างๆ วันละ 10 กรัม จะให้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพ ส่วนเห็ดที่ได้รับการยอมรับเรื่องป้องกันโรคมะเร็ง และนิยมนำมาสกัดเป็นอาหารเสริม เช่น เห็ดหลินจือ ถั่งเช่า เป็นต้น นอกจากนี้ อาหารเส้นใยสูง แคลอรี่ต่ำ ก็นับว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมมากในหมู่สาวๆ เพราะการได้รับไฟเบอร์หรือเส้นใยจากธรรมชาติ อย่างน้อยวันละ 10 กรัม จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้ 7% เนื่องจาก ส้นใยจากธรรมชาติจะช่วยลดความเข้มข้นของฮอร์โมนเอสโตรเจนชนิดที่ไม่ดีในร่างกายลง อาหารที่อุดมด้วยเส้นใยจากธรรมชาติ และแคลอรี่ต่ำ พบในพืชตระกูลถั่ว เช่น  ถั่วขาว ถั่วปินโต ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วพีแคน ถั่ววอลนัต ถั่วพิสตาชิโอ เป็นต้น ต่อมาคือ อาหารที่อุดมด้วยสารกลุ่มวิตามินเอ

ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาและผิวพรรณ แต่อันที่จริงแล้วอาหารกลุ่มวิตามินเอยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งอีกด้วย เช่น มะเขือเทศชนิดปรุงสุก และฟักข้าว อุดมด้วยสารไลโคพีน ผักสีส้มเหลือง เช่น แครอท ฟักทอง มันเทศเหลือง อุดมด้วยสารเบต้าและแอลฟ่าแคโรทีน ผักโขม ผักเคล อุดมด้วยสารลูทีน ซีแซนทีน ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน และยังเป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยต้านมะเร็ง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านม นอกจากนี้ ยังช่วยสาวๆที่ต้องการจะลดน้ำหนัก เพื่อให้มีหุ่นสวยและมีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยทำให้คุณมีร่างกายที่แข็งแรงได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ทางเราใส่ใจในเรื่องของการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ของทุกคน เพื่อให้ทุกคนได้มี สุขภาพที่ดี เรามักจะย้ำมาเสมอว่า การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพ ที่สำคัญ ควรหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้มีร่างกายที่แข็งแรง และช่วยทำให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย

3
หมอออนไลน์: โรคไตเนโฟรติก (Nephrotic syndrome)

โรคไตเนโฟรติก (เนโฟรติกซินโดรม ก็เรียก) เป็นโรคไตชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจากร่างกายมีการรั่วของโปรตีนออกมาในปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการบวมทั่วตัว แม้ว่าโรคนี้จะพบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็จัดเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของโรคไตเรื้อรัง บางครั้งแพทย์อาจเรียกโรคนี้ว่า "โรคไตเรื้อรัง" โรคนี้พบได้ในคนทุกวัยตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงวัยสูงอายุ สำหรับเด็กจะพบบ่อยในกลุ่มอายุ 2-6 ปี

โรคนี้มีหลายชนิดย่อย ซึ่งมีสาเหตุ พยาธิสภาพ* และความรุนแรงที่แตกต่างกัน สามารถจัดแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ (1) โรคไตเนโฟรติกชนิดปฐมภูมิ (primary nephrotic syndrome) หรือชนิดไม่ทราบสาเหตุ (2) โรคไตเนโฟรติกชนิดทุติยภูมิ (secondary nephrotic syndrome) หรือชนิดทราบสาเหตุ ทั้ง 2 กลุ่มนี้สามารถพบได้ในทุกกลุ่มวัย โดยมีสัดส่วนที่แปรผันไปตามอายุ กล่าวคือ ในเด็กพบชนิดปฐมภูมิมากกว่า ในขณะที่ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุพบชนิดทุติยภูมิมากกว่า

*การแบ่งตามลักษณะของพยาธิสภาพของเนื้อเยื่อไตจากการตรวจชิ้นเนื้อ พบชนิดที่สำคัญ ได้แก่ (1) Minimal change disease (MCD) ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุ พบได้บ่อยสุดในเด็กเล็ก และพบในผู้ใหญ่ได้บ้าง การตรวจชิ้นเนื้อไม่พบพยาธิสภาพชัดเจน หรือมีความผิดปกติเพียงเล็กน้อย มีความรุนแรงไม่มาก และรักษาได้ผลดี, (2) Focal segmental glomerulosclerosis (FSGS) ซึ่งพบได้บ่อยสุดในผู้ใหญ่ อาจเกิดจากโรคหรือยาบางชนิด หรือความผิดปกติทางพันธุกรรม บางรายอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน, (3) Membranous nephrology (MN) ซึ่งพบว่ามีการสะสมสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดีที่เยื่อบุภายในหน่วยไต อาจเกิดจากโรคเอสแอลอี ตับอักเสบจากไวรัสบี มาลาเรีย หรือมะเร็ง บางรายอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน

สาเหตุ

อาการเกิดเนื่องจากร่างกายมีการสูญเสียโปรตีน (ได้แก่ อัลบูมิน หรือสารไข่ขาว) ออกไปทางปัสสาวะ เพราะมีความผิดปกติของหน่วยไต (glomerulus) ซึ่งเป็นหน่วยเล็ก ๆ ที่ทำหน้าที่กรองปัสสาวะ ทำให้มีระดับอัลบูมิน (albumin) ในเลือดต่ำ จึงเกิดอาการบวมทั้งตัว

สำหรับกลุ่มโรคไตเนโฟรติกชนิดปฐมภูมิ ซึ่งมีหลายชนิดย่อย มีความผิดปกติของไตในลักษณะต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน เด็กเล็กบางราย (ซึ่งพบเป็นส่วนน้อยมาก) เป็นโรคไตเนโฟรติกแต่กำเนิด (congenital nephrotic syndrome) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางพันธุกรรม

สำหรับกลุ่มโรคไตเนโฟรติกชนิดทุติยภูมิ ซึ่งพบบ่อยในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ มีสาเหตุมาจากโรคและภาวะผิดปกติทางร่างกาย ที่สำคัญ ได้แก่

    ผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นมานานและเกิดภาวะแทรกซ้อนของไต (ไตเสื่อม ไตวายเรื้อรัง) เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยสุดในวัยกลางคนและสูงอายุ นอกจากนี้ยังพบเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคเอสแอลอี โรคอะมีลอยโดซิส (amyloidosis)* หรือโรคหน่วยไตอักเสบ หรือโรคไตชนิดอื่น ๆ
    โรคติดเชื้อ เช่น ตับอักเสบจากไวรัสบีหรือซี เอดส์ มาลาเรีย ซิฟิลิส โรคเรื้อน เป็นต้น
    มะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งเต้านม มะเร็งทางเดินอาหาร เป็นต้น บางรายอาจมีอาการของโรคไตเนโฟรติกก่อนที่ตรวจพบมะเร็งก็ได้ มักพบในวัยสูงอายุ
    ยาและสารบางชนิด เช่น ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (ซึ่งพบได้บ่อย) เพนิซิลลิน แคปโทพริล โพรเบนาซิด ลิเทียม อินเทอเฟรอน บิสฟอสโฟเนต (bisphosphonate) ยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (เช่น สารเกลือของทอง หรือ gold salt, เพนิซิลลามีน หรือ penicillamine) สารเสพติด (เฮโรอีน) สารพิษโลหะหนัก (เช่น ปรอท)
    ในเด็กอาจเกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่อวัคซีนหรือพิษแมลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้แต่ค่อนข้างน้อย เช่น มีรายงานว่าเด็กเกิดอาการโรคไตเนโฟรติกหลังถูกผึ้งต่อยแม้เพียง 1 ตัว

*โรคนี้เกิดจากการสะสมของสารอะมีลอยด์ (amyloid ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง) ในอวัยวะต่าง ๆ ทำให้ไตทำหน้าที่ผิดปกติ โรคนี้มักพบในผู้สูงอายุ


อาการ

มีอาการบวมทั่วตัว ทั้งที่หน้า หนังตา ท้อง และเท้า 2 ข้าง ซึ่งมักจะค่อย ๆ เกิดเพิ่มขึ้นทีละน้อย (มีเพียงส่วนน้อยที่อาจเกิดขึ้นฉับพลัน) ผู้ป่วยอาจสังเกตเห็นหนังตาบวมชัดเจนเวลาตื่นนอน ปัสสาวะสีใสเหมือนปกติ แต่จะออกเป็นฟอง (เนื่องจากมีสารไข่ขาวในปัสสาวะมาก)

ผู้ป่วยจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น (เพราะอาการบวมจากมีน้ำคั่งในร่างกาย) รู้สึกอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ไม่มีไข้ นอนราบได้ (โดยไม่มีอาการหอบเหนื่อย) มักจะเดินเหินและทำงานได้


ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่

    ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ไตวายเฉียบพลัน หรือไตวายเรื้อรัง (ซึ่งอาจกลายเป็นไตวายระยะท้ายใน 5-10 ปี)
    ในรายที่เป็นเรื้อรัง อาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร เช่น ภาวะขาดโปรตีน (เกิดอาการแบบโรคขาดอาหารควาชิวากอร์) ผมและเล็บเปราะ ผมร่วง ภาวะโพแทสเซียมต่ำ ภาวะแคลเซียมต่ำ เป็นต้น
    ร่างกายมีภูมิคุ้มกันลดลง เนื่องจากการสูญเสียอิมมูโนโกลบูลิน (ซึ่งเป็นโปรตีนช่วยต้านทานโรค) ออกทางปัสสาวะ ทำให้เป็นโรคติดเชื้อง่าย เช่น เป็นฝีพุพอง ปอดอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ กรวยไตอักเสบ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษได้
    ภาวะเลือดแข็งตัวง่าย เนื่องจากร่างกายมีสารกระตุ้นการแข็งตัวของเลือดเพิ่มขึ้น แต่สูญเสียสารในการละลายลิ่มเลือด อาจทำให้เกิดภาวะสิ่งหลุด (ลิ่มเลือด) อุดตันหลอดเลือดแดง (ที่ไต ที่เท้า ที่ปอด)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

มักตรวจพบหน้าบวม หนังตาบวม เท้าบวมกดบุ๋ม ท้องบวม (ท้องมาน) และมีภาวะซีด (ในรายที่เป็นมานาน) ตรวจปัสสาวะพบสารไข่ขาว (albumin) ขนาด 3+ ถึง 4+ 

เมื่อใช้เครื่องฟังตรวจปอดจะพบภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) และภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด (pleural effusion)   

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการตรวจเลือดและปัสสาวะ ซึ่งจะพบว่าระดับสารไข่ขาวในเลือดต่ำ (hypoalbuminemia) ระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง และมีสารไข่ขาวในปัสสาวะมาก (ในผู้ใหญ่มีมากกว่า 3-5 กรัม/วัน) บางรายแพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจอัลตราซาวนด์ การตรวจชิ้นเนื้อไต (renal biopsy) เพื่อประเมินชนิดและความรุนแรงของโรค

นอกจากนี้ อาจทำการตรวจอื่น ๆ เพื่อค้นหาโรคที่พบร่วม เช่น เบาหวาน เอสแอลอี มาลาเรีย ตับอักเสบจากไวรัสบีหรือซี เอดส์


การรักษาโดยแพทย์

นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าตรวจพบสาเหตุที่ชัดเจน ก็ให้การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น ให้ยาปฏิชีวนะรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย ยาต้านไวรัสรักษาโรคติดเชื้อไวรัส ให้ยาควบคุมโรคเบาหวาน เอสแอลอี เป็นต้น

2. ให้ยารักษาอาการและภาวะแทรกซ้อนที่พบ อาทิ ยาลดความดันโลหิต (เช่น อีนาลาพริล, โลซาร์แทน) ยาลดไขมัน (เช่น ซิมวาสแตติน) ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น เฮพาริน, วาร์ฟาริน) ยาขับปัสสาวะ (เช่น ฟูโรซีไมด์) เพื่อลดอาการบวม การล้างไตหรือปลูกถ่ายไตในผู้ที่มีภาวะไตวาย เป็นต้น

3. ให้ยากดภูมิคุ้มกัน ได้แก่ ยาสเตียรอยด์ (เช่น เพร็ดนิโซโลน) เพื่อลดการอักเสบของหน่วยไต และนัดไปตรวจเลือดและปัสสาวะเป็นประจำ ถ้าพบว่าสารไข่ขาวในเลือดมีระดับสูงขึ้น และสารไข่ขาวในปัสสาวะลดน้อยลง พร้อมกับอาการบวมลดลง (น้ำหนักตัวลดลง) แสดงว่าอาการดีขึ้น ก็จะค่อย ๆ ลดยาลงทีละน้อย อาจให้กินยาอยู่นาน 2-3 เดือน

บางรายแพทย์อาจให้ยากดภูมิคุ้มกันชนิดอื่นร่วมด้วย เช่น ไรทูซิแมบ (rituximab), ไซโคลสปอรีน (cyclosporine), ไซโคลฟอสฟาไมด์ (cyclophosphamide) เป็นต้น

4. ในรายที่ดื้อต่อยาสเตียรอยด์ (ไม่ได้ผลในการรักษา) หรือต้องพึ่งยาสเตียรอยด์นาน ๆ หรือมีข้อบ่งชี้อื่น (เช่น เป็นโรคไตเนโฟรติกแต่กำเนิด มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย ในผู้ใหญ่เป็นโรคนี้โดยไม่พบสาเหตุชัดเจน) แพทย์จะทำการตรวจชิ้นเนื้อไต (renal biopsy โดยการเจาะเอาเนื้อเยื่อไตไปตรวจ) เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะกับชนิดของโรค   

ผลการรักษา ขึ้นกับสาเหตุและชนิดของโรค   

ถ้าเป็นชนิด minimal change disease ซึ่งพบบ่อยในเด็กเล็ก (แต่ก็พบได้ในคนทุกวัย) มักมีอาการไม่รุนแรง และรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ได้ผล ช่วยให้หายขาดได้ บางรายเมื่อหยุดยาหลังจากอาการดีขึ้น ก็อาจกำเริบได้ใหม่ในภายหลัง และอาจต้องกินยานาน 6 เดือน-1 ปี ซึ่งในที่สุดก็มักจะหายขาดได้ น้อยรายที่จะกลายเป็นไตวายเรื้อรังตามมา

ในรายที่เป็นชนิดร้ายแรง (ซึ่งอาจดื้อต่อการรักษา) มีสาเหตุจากโรคร้ายแรง (เช่น มะเร็ง) หรือโรคที่ควบคุมไม่ได้ (เช่น เบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนหลายอย่าง) หรือมีภาวะแทรกซ้อนที่ควบคุมไม่ได้ (เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภูมิคุ้มกันต่ำ) ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง (โรคติดเชื้อร้ายแรง ไตวายรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด) และทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และมีอาการบวมทั่วตัว (ทั้งที่หน้า หนังตา ท้อง และเท้า 2 ข้าง) ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคไตเนโฟรติก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ควรพักผ่อนให้มาก ๆ
    งดอาหารเค็มเพื่อลดอาการบวม
    กินอาหารพวกโปรตีน (เนื้อ นม ไข่) ให้มาก ๆ (ประมาณ 80-90 กรัม/วัน)
    ลดการกินอาหารพวกไขมัน และคอเลสเตอรอล


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา 
    มีอาการไม่สบาย เช่น ไข้ ท้องเดิน หายใจหอบ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

สำหรับโรคไตเนโฟรติกชนิดปฐมภูมิ ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

สำหรับโรคไตเนโฟรติกชนิดทุติยภูมิ ซึ่งมีสาเหตุจากโรคบางชนิดหรือยาบางชนิด ควรหาทางป้องกันด้วยการปฏิบัติตัวดังนี้

    ป้องกันไม่ให้เป็นโรคเบาหวาน ด้วยการออกกำลังกาย ลดอาหารหวานและน้ำตาล ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    ฉีดวัคซีนป้องกันตับอักเสบจากไวรัสบี และปฏิบัติตัวในการป้องกันโรคตับอักเสบจากไวรัสบีและซี เอดส์ ซิฟิลิส มาลาเรีย
    รักษาโรคที่อาจเป็นสาเหตุของโรคไตเนโฟรติก (เช่น โรคเบาหวาน เอสแอลอี โรคติดเชื้อ มะเร็ง) ให้ได้ผล
    ระมัดระวังในการใช้ยา เช่น หลีกเลี่ยงการซื้อยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (นิยมใช้เป็นยาแก้ปวด แก้ข้ออักเสบ) มาใช้เอง

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้จะต้องรักษากันเป็นเวลานาน ในรายที่เป็นเรื้อรังอาจนานเป็นแรมปี ควรติดต่อรักษากับแพทย์คนใดคนหนึ่งเป็นประจำ อย่าเปลี่ยนหมอ เปลี่ยนโรงพยาบาลเอง โดยทั่วไปถ้ามีปัญหาในการรักษา แพทย์ที่รักษาอยู่เดิมมักจะมีจดหมายส่งตัวผู้ป่วยไปรักษากับแพทย์ที่มีความชำนาญกว่า

2. ผู้สูงอายุที่เป็นโรคไตเนโฟรติกมักเกิดจากโรคเบาหวานที่ไม่ได้ควบคุมให้ดีตั้งแต่แรกจนมีภาวะไตเสื่อมแทรกซ้อน ดังนั้นผู้ที่เป็นเบาหวานควรดูแลรักษาตนเองให้ดีตั้งแต่แรก ก็อาจป้องกันโรคไตเนโฟรติกได้

3. ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ซึ่งมีสาเหตุจากมะเร็ง บางรายอาจมีอาการแสดงของโรคไตเนโฟรติกมาก่อนที่จะพบว่าเป็นมะเร็ง ดังนั้นผู้สูงอายุซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง หากเป็นโรคไตเนโฟรติกและยังไม่พบมีสาเหตุที่ชัดเจน ควรเฝ้าระวังดูอาการของโรคมะเร็ง และแพทย์อาจจำเป็นต้องทำการตรวจอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่ามีมะเร็งแฝงอยู่หรือไม่

4
ทำบุญ วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ วัดสวยบนเขา Unseen ลำปาง ห้ามพลาด!

วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง" เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นและเป็น "Unseen" ของจังหวัดลำปาง ตั้งอยู่ในอำเภอแจ้ห่ม วัดแห่งนี้มีความงดงามและน่าอัศจรรย์ด้วยเจดีย์สีขาวเล็กๆ จำนวนมากที่สร้างอยู่บนยอดเขาสูงเสียดฟ้า รายล้อมด้วยทิวทัศน์ภูเขาอันกว้างใหญ่ไพศาล ทำให้เป็นจุดหมายที่ห้ามพลาดสำหรับผู้ที่ต้องการมาทำบุญ ชมวิว และสัมผัสความอลังการของธรรมชาติ

ความสำคัญและสิ่งที่น่าสนใจของวัดเฉลิมพระเกียรติฯ
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เนื่องในโอกาสที่พระองค์พระราชสมภพครบ 200 ปี และเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทบนยอดดอย


เจดีย์ลอยฟ้า:

ไฮไลต์สำคัญของวัดคือภาพของเจดีย์สีขาวขนาดเล็กหลายองค์ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเสียดฟ้า ดูราวกับลอยอยู่กลางอากาศ สร้างความตื่นตาตื่นใจและเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร

เจดีย์เหล่านี้สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาและความพยายามอย่างยิ่ง เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงยากบนยอดเขาหินปูน


รอยพระพุทธบาท:

บนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมขึ้นไปกราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

จุดชมวิว 360 องศา:

จากด้านบนยอดเขา สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอำเภอแจ้ห่มและทิวเขาที่สลับซับซ้อนได้อย่างกว้างไกลแบบ 360 องศา เป็นจุดชมวิวที่สวยงามและน่าประทับใจ โดยเฉพาะในช่วงเช้าตรู่ที่มีทะเลหมอกหรือช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า


เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ:

การเดินทางขึ้นไปบนยอดเขาถือเป็นการเดินป่าเล็กๆ ที่ท้าทายแต่คุ้มค่า ระหว่างทางมีจุดพักและสามารถชมธรรมชาติที่ร่มรื่น

การเดินทางและการเตรียมตัว
ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ที่ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 07.30 - 17.00 น. (ข้อมูลบางแหล่งระบุถึง 16.00 น. ควรตรวจสอบกับทางวัดอีกครั้งก่อนเดินทาง)


การเดินทาง:

รถยนต์ส่วนตัว: ขับรถจากตัวเมืองลำปางไปยังอำเภอแจ้ห่ม ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ถนนลาดยางสะดวกสบาย

รถรับ-ส่งของวัด: เมื่อไปถึงบริเวณวัดด้านล่าง นักท่องเที่ยวจะต้องจอดรถส่วนตัวไว้ และใช้บริการรถกระบะของวัดเพื่อขึ้นไปยังจุดจอดรถด้านบน (ไม่สามารถขับรถส่วนตัวขึ้นไปได้เนื่องจากเส้นทางลาดชันและแคบ)

ค่าบริการรถรับ-ส่ง: ประมาณ 90-120 บาทต่อคน (ไป-กลับ) โดยทั่วไปรับเฉพาะเงินสด

เดินเท้าขึ้นยอดเขา: จากจุดจอดรถด้านบน จะต้องเดินเท้าขึ้นบันไดและทางเดินเท้าอีกประมาณ 800-900 เมตร (บางแหล่งระบุ 1.5 กิโลเมตร) ซึ่งเป็นทางชันและอาจเหนื่อยพอสมควร แต่ระหว่างทางมีจุดพักเป็นระยะ

ค่าเข้าชม: ไม่มีค่าเข้าชมวัด แต่มีค่าบริการรถรับ-ส่งขึ้นเขา


ข้อแนะนำเพื่อการเยี่ยมชมที่ดีที่สุด
แต่งกายสุภาพ: สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับการเข้าวัด (ปิดไหล่และเข่า) และควรเป็นเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เนื่องจากต้องเดินขึ้นเขา

รองเท้าที่เหมาะสม: สวมรองเท้าที่เดินสบาย เช่น รองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าสำหรับเดินป่า เนื่องจากต้องเดินขึ้นบันไดและทางเดินที่ค่อนข้างชัน


ช่วงเวลาที่เหมาะสม:

ช่วงเช้าตรู่: เป็นช่วงเวลาที่แนะนำที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงอากาศร้อนจัด และมีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกในฤดูหนาว

ช่วงหน้าหนาว: บรรยากาศจะดีเป็นพิเศษ อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการเดินขึ้นเขา

เตรียมร่างกายให้พร้อม: การเดินขึ้นเขาอาจใช้เวลาและแรงพอสมควร ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม และพกน้ำดื่มติดตัวไปด้วย

พกสิ่งของจำเป็น: เช่น หมวก แว่นกันแดด ครีมกันแดด และยาประจำตัว (ถ้ามี)

ความระมัดระวัง: ทางเดินบางช่วงอาจแคบและชัน ควรใช้ความระมัดระวังในการเดิน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กเล็ก

การมาเยือนวัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ จะมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ทั้งความอิ่มบุญจากการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความตื่นตาตื่นใจกับเจดีย์บนยอดเขา และความงดงามของทิวทัศน์ธรรมชาติอันน่าทึ่ง เป็น "Unseen" ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนลำปางค่ะ

5
จัดฟันบางนา: คนที่ไม่เหมาะกับ การจัดฟันแบบใส invisalign !

การจัดฟันแบบใส invisalign เป็นการจัดฟันที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษา ซึ่งสามารถวางแผนการรักษาด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และยังสามารถนำแผนการรักษาให้กับผู้เข้ารับการจัดฟันดุผลการรักษาได้ล่วงหน้า และยังกำหนดระยะเวลาการจัดฟันได้อย่างแม่นยำ ด้วยเหตุนี้เอง การจัดฟันแบบใส จึงเป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ให้เป็นการทำทันตกรรมที่ทันสมัย เหมาะกับทุกวัย เพราะสะดวกสบายในการใช้ชีวิต เพราะการจัดฟันแบบใส สามารถถอดเครื่องมือออกได้เวลารับประทานอาหาร โดยผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลาย ดดยไม่ต้องกังวลว่าเหล็กจัดฟันจะหลุดขณะรับประทานอาหาร

สำหรับการจัดฟันแบบใส invisalign ถึงแม้ว่าจะเป็นที่นิยมมาก และสามารถจัดฟันได้ทุกวัย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ไม่สามารถเข้ารับการจัดฟันแบบใสได้ การจัดฟันแบบใส ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาฟันที่แก้ไขยาก เพราะเหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องฟันระดับน้อยถึงปานกลาง การจัดฟันแบบใส อาจใช้เวลานานกว่าการจัดฟันแบบเหล็กทั่วไป ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของฟัน สุขภาพช่องปาก การดูแลรักษา และวินัยของคนผู้เข้ารับการรักษา หากได้รับการดูแลรักษาที่ดี ถูกวิธี และผู้เข้ารับการรักษาปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด

ซึ่งการจัดฟันแบบใส หลายคนอยากเข้ารับการจัดฟันแบบใสแต่กลัวเจ็บ สำหรับการจัดฟันแบบใสจะรู้สึกระคายเคืองในช่วง 2-3 วันแรก และหลังจากรักษาควรดุแลสุขภาพช่องปากให้ดี ทำความสะอาดช่องปากอย่างถุกต้อง รวมไปถึงสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง หากสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถเข้ารับคำแนะนำได้ที่คลีนิค เรามีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และผ่านการอบรบการจัดฟันแบบใส ได้รับการรองรับจากสหรัฐอเมริกา และมีประสบการณ์ในด้านการจัดฟันมาอย่างยาวนาน หรือต้องการสอบถามค่าใช้จ่ายในการรักษา สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เจ้าหน้าที่ของทางคลีนิคได้

6
ต้องการฉนวนกันความร้อนหลังคาโรงงาน ทำไมต้องฉนวนกันความร้อน

หลังคาโรงงาน คือจุดสำคัญที่สุดของการรับความร้อนจากดวงอาทิตย์ภายนอกตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ดังนั้น หากผู้ประกอบการโรงงานไม่ได้วางแผนติดตั้ง “ฉนวนกันความร้อนหลังคาโรงงาน” จะมีความเสี่ยงเจอปัญหาความร้อนสะสมภายในโรงงานมากเกินไป จนทำให้ต้นทุนพลังงานสูงขึ้น ตลอดจนเสี่ยงต่อการทำให้พนักงานประสบอุบัติเหตุจากสภาพอากาศร้อนอบอ้าวได้เมื่อต้องทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ

ทั้งนี้ หนึ่งในแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ การติดตั้งฉนวนกันความร้อนหลังคาโรงงาน ซึ่งปัจจุบัน หนึ่งในฉนวนกันความร้อนที่ได้รับความนิยมและไว้วางใจเลือกใช้มากที่สุดก็คือ ฉนวนกันความร้อน โดยฉนวนกันความร้อนสำหรับงานหลังคาโรงงาน มีคุณสมบัติโดดเด่นที่แตกต่างจากฉนวนกันความร้อนทั่วไป ดังต่อไปนี้

1.เป็นฉนวนกันความร้อนคุณภาพสูง

ฉนวนกันความร้อน สำหรับงานหลังคาโรงงาน เป็นฉนวนใยแก้ว ที่มีทั้งแบบม้วนและแบบแผ่น มีวัสดุปิดผิวหลากหลายประเภท เพื่อเสริมคุณภาพในการใช้งาน โดยมีทั้งแบบปิดผิวด้านเดียว สองด้าน และหุ้มรอบด้าน จึงทำให้สามารถป้องกันความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยังได้รับมาตรฐานสากล ASTM และมาตรฐานการผลิตอุตสาหกรรม มอก. 486,487 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในอาคารอีกด้วย จึงมั่นใจได้ว่าจะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

2.เป็นฉนวนกันความร้อนที่กันเสียงรบกวนได้ด้วย

ปัญหาใหญ่อีกข้อหนึ่งที่โรงงานส่วนใหญ่ประสบพร้อมกับปัญหาความร้อนสะสมเข้ามาทางหลังคาโรงงานก็คือ ปัญหาเสียงดังรบกวนในเวลาที่ฝนตกกระทบกับหลังคาโรงงาน ซึ่งหลังคาโรงงานโดยทั่วไปก็มักจะเป็นหลังคาเหล็กรีด ซึ่งทำให้เวลาฝนตกหนัก ๆ นั้นจะมีเสียงดังมาก จนทำให้การสื่อสารภายในโรงงานเป็นไปอย่างยากลำบาก และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการทำงานได้ เนื่องจากพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในโรงงานอาจไม่ได้ยินเสียงเครื่องจักร หรือไม่ได้ยินเสียงการทำงานภายในพื้นที่จนนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ

นั่นเองที่ทำให้การเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนหลังคาโรงงาน ยิ่งตอบโจทย์แบบทวีคูณ เพราะไม่เพียงแต่จะติดตั้งใต้หลังคาเพื่อป้องกันความร้อนสะสมได้แล้ว ก็ยังช่วยลดเสียงดังรบกวนจากภายนอกได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ฝนตกหนักกระทบกับหลังคานั้น เสียงดังจะเบาลงแบบรู้สึกได้ ทำให้บรรยากาศการทำงานในพื้นที่นั้นสงบ เย็นสบาย ส่งเสริมให้ทุกคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3.ฉนวนกันความร้อน เป็นนวัตกรรมรักษ์โลก

ฉนวนกันความร้อนหลังคาโรงงาน นั้น เป็นฉนวนที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลที่เป็นแก้ว 100% เต็ม จึงได้รับฉลากเขียวในการรักษาสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันก็ได้รับการรับรองจากสถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติขององค์การอนามัยโลกด้วยว่า มีความปลอดภัย ไม่เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ จึงทำให้เป็นฉนวนกันความร้อนที่มีความปลอดภัยสูงมาก ทั้งต่อโลก สิ่งแวดล้อม และต่อพนักงานตลอดจนผู้คนในชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง การเลือกใช้ฉนวนกันความร้อน จึงช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของโรงงานให้ดีขึ้นได้อีกทางหนึ่ง

4.เป็นฉนวนที่อายุการใช้งานยาวนาน

ปัญหาที่ทำให้ฉนวนกันความร้อนส่วนใหญ่ใช้งานได้ไม่ดี หรือใช้ไปได้ไม่เท่าไรประสิทธิภาพในการกันความร้อนก็ลดลงนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความชื้นสะสมในเนื้อฉนวนจนทำให้ความสามารถในการกันความร้อนถูกทำลายไป ซึ่งแน่นอนว่าฉนวนกันความร้อนจะต้องเจอกับความชื้นในอากาศ ตลอดจนวันที่ฝนตกหนัก ๆ ก็จะยิ่งเจอความชื้นหนักขึ้น จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนที่มีความสามารถในการป้องกันความชื้นสูงด้วย เพื่อให้สามารถคงความเป็นฉนวนได้ยาวนานใช้งานได้อย่างคุ้มค่าเต็มอายุการใช้งานจริง ๆ

โดยฉนวนกันความร้อนหลังคาโรงงาน นั้นถือว่าตอบโจทย์แก้ไขปัญหาเรื่องความชื้นได้เป็นอย่างดี เพราะเนื้อฉนวนมีการผสมสาร HydroProtect ซึ่งช่วยลดการอุ้มน้ำได้ถึง 10 เท่า ไม่ดูดซับน้ำ อีกทั้งยังกันความชื้นได้ดี จึงสามารถคงความเป็นฉนวนได้อย่างมีประสิทธิภาพยาวนานเป็นสิบ ๆ ปี

ฉนวนกันความร้อนหลังคาโรงงาน เป็นวัสดุที่ผู้ประกอบการโรงงานทุกคนไม่ควรมองข้ามที่จะวางแผนเลือกที่มีคุณภาพมาติดตั้งให้เรียบร้อย เพราะยิ่งปล่อยนานวันไป ความร้อนสะสมภายในโรงงานก็จะยิ่งมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการทำงานในหลาย ๆ มิติ ซึ่งร้ายแรงที่สุดก็อาจทำให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ที่อาจจะเป็นร่างกายหรือทรัพย์สินของโรงงานก็ได้

7
ปล่อยรถราคาพิเศษ BMW 330e M Sport Plug-in Hybrid ปี 2023 มีโปรโมชั่นพิเศษมากมาย

BMW 330e M Sport Plug-in Hybrid ปี 2023 เป็นส่วนหนึ่งของ BMW 3 Series G20 (โฉมปัจจุบัน) ที่ได้รับการปรับโฉม (LCI - Life Cycle Impulse) โดยเฉพาะรุ่นปี 2023 นี้ ได้รับการอัปเกรดในหลายจุดเพื่อให้ทันสมัยและน่าสนใจยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยการผสมผสานสมรรถนะการขับขี่สไตล์ BMW เข้ากับประสิทธิภาพของระบบ Plug-in Hybrid

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 10 มิ.ย. - 30 มิ.ย. 2568
Warranty / Bsi ถึง 03/2028
Service ตามระยะ

ราคาพิเศษ 1,920,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

สมรรถนะ Plug-in Hybrid:

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ BMW TwinPower Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
กำลังรวมสูงสุด (System Output): 215 kW (292 แรงม้า)
แรงบิดรวมสูงสุด (System Torque): 420 นิวตันเมตร
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 จังหวะ พร้อม Paddle Shift
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ประมาณ 5.9 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 230 กม./ชม.


8
หมอออนไลน์: ผมร่วงกรรมพันธุ์

ผมร่วงชนิดนี้เป็นภาวะที่พบได้บ่อย พบได้ทั้งสองเพศ แต่จะพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

สาเหตุ

เกิดจากกรรมพันธุ์ คือ จะมีพ่อแม่พี่น้องที่มีอาการผมบาง (ศีรษะเถิก หรือศีรษะล้าน) เช่นเดียวกัน ทำให้รากผมบริเวณที่ร่วงมีความไวต่อฮอร์โมนเพศชาย (androgen) ที่เรียกว่า ไดไฮโดรเทสโทสเทอโรน (dihydrotestosterone) ทำให้เส้นผมมีอายุสั้นกว่าปกติ จึงร่วงเร็วกว่าบริเวณที่ปกติ (โดยที่จำนวนเส้นผมที่ร่วงในแต่ละวันไม่ได้มากกว่าปกติ) แล้วเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่จะมีขนาดเล็กบางและสั้นลงจนเป็นเส้นขนอ่อน ๆ ทำให้บริเวณนั้นดูว่าผมบางหรือไม่มีผม โดยมักจะเป็นตรงบริเวณหน้าผากและตรงกลางศีรษะ ส่วนด้านข้างและด้านหลังมักจะปกติ

อาการ

มักเริ่มแสดงอาการเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นหรือเมื่อมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในผู้ชายถ้าเป็นไม่มาก ผมจะบางเฉพาะบริเวณหน้าผาก กลายเป็นศีรษะเถิก มีรูปร่างเหมือนตัวอักษร M ถ้าเป็นมากจะทำให้ศีรษะล้าน แบบที่เรียกว่า ทุ่งหมาหลง หรือดงช้างข้าม

ส่วนในผู้หญิงมักจะเริ่มแสดงอาการหลังจากเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน มักจะร่วงทั่ว ๆ ไป โดยเฉพาะตรงบริเวณกลางกระหม่อม ทำให้แลดูผมบางลง

อาการจะเป็นมากน้อยขึ้นกับกรรมพันธุ์ที่ได้รับมา และอายุยิ่งมากก็ยิ่งเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ

บางรายอาจเกิดร่วมกับการมีรังแคมาก ทำให้มีอาการคัน และมีขี้รังแคมาก

ภาวะแทรกซ้อน

อาจทำให้รู้สึกมีปมด้อยหรือขาดความมั่นใจในตัวเอง

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากประวัติ (มีคนในครอบครัวเป็นผมร่วงกรรมพันธุ์) การตรวจดูลักษณะอาการของผมร่วง และจากการตรวจแยกแยะจากสาเหตุอื่น

การรักษาโดยแพทย์

ในรายที่เริ่มมีอาการศีรษะล้าน แพทย์อาจให้การรักษาโดยการให้กินยากลุ่มยับยั้งแอลฟารีดักเทส (alpha reductase inhibitor) ซึ่งมีฤทธิ์ลดฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเทอโรน ได้แก่ ไฟนาสเตอไรด์ (finasteride) ซึ่งจะเห็นผลหลังใช้ยาได้ 6 เดือน และได้ผลเต็มที่หลังใช้ยาประมาณ 2 ปี ผู้ป่วยควรใช้ยาต่อไปทุกวัน หากหยุดยาผมก็จะกลับมาร่วงได้อีก ยานี้ใช้ได้ผลเฉพาะผู้ชาย ไม่ใช้ในผู้หญิงเพราะนอกจากไม่ได้ผลแล้ว หากใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ยังอาจทำให้เกิดความผิดปกติของการสร้างอวัยวะเพศชายของทารกในครรภ์ได้

ยานี้ควรใช้ตั้งแต่แรกที่ผมเริ่มบาง ถ้าศีรษะล้านเต็มที่แล้วใช้ไม่ได้ผล ผลข้างเคียงที่อาจพบก็คือ ภาวะองคชาตไม่แข็งตัว (erectile dysfuction) ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 1

ในบางรายอาจใช้ยาน้ำไมน็อกซิดิล (minoxidil) ชนิด 2% หรือ 5% ทาทุกวัน ถ้าได้ผลผมจะเริ่มงอก 4-6 เดือนหลังทายา และได้ผลสูงสุดหลังทายา 12 เดือน ควรทาติดต่อทุกวันไปตลอด ยานี้เป็นยาที่ใช้ลดความดันโลหิต พบว่ามีผลทำให้ขนดกขึ้น สันนิษฐานว่าเป็นเพราะฤทธิ์การขยายหลอดเลือดของยานี้

ถ้าใช้ยารักษาไม่ได้ผล อาจแนะนำให้ใส่ผมปลอม (วิก) ทอผม หรือผ่าตัดปลูกถ่ายผม

ข้อแนะนำ

ผมร่วงกรรมพันธุ์ ถือเป็นธรรมชาติของคน ๆ นั้น เนื่องจากกรรมพันธุ์เป็นตัวกำหนด หากจะลองใช้วิธีรักษานอกเหนือจากที่แพทย์แนะนำ ควรปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจว่าเป็นวิธีรักษาที่ได้ผลจริง และไม่สิ้นเปลืองเกินจำเป็น

ถ้ารู้สึกน่าเกลียดหรือมีปมด้อย แนะนำให้ใส่ผมปลอม (วิก) ทอผม หรือผ่าตัดปลูกถ่ายผม

9
ข้อปฏิบัติ ที่จะทำให้เด็กมีสุขภาพฟันที่ดีระหว่างจัดฟันเด็ก

การจัดฟันในเด็กเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการสร้างรอยยิ้มที่สวยงามและสุขภาพช่องปากที่ดีในระยะยาวค่ะ เพื่อให้การจัดฟันประสบความสำเร็จและป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เด็กควรปฏิบัติตามข้อแนะนำเหล่านี้อย่างเคร่งครัด:

1. การทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ:
นี่คือหัวใจสำคัญที่สุดของการมีสุขภาพฟันที่ดีระหว่างจัดฟัน เพราะเครื่องมือจัดฟันเป็นแหล่งสะสมของเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ได้ง่าย

แปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ: ควรแปรงฟันอย่างน้อย 3 ครั้งต่อวัน (เช้า กลางวัน เย็น) และก่อนนอน หรือทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร

ใช้แปรงสีฟันที่เหมาะสม:

แปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟัน (Orthodontic Toothbrush): มีขนแปรงตรงกลางสั้นกว่าด้านข้าง ช่วยให้แปรงทำความสะอาดได้ทั้งเครื่องมือและผิวฟัน

แปรงซอกฟัน (Interdental Brush): ใช้ทำความสะอาดบริเวณใต้เส้นลวด รอบๆ แบร็กเก็ต และซอกฟันที่แปรงปกติเข้าไม่ถึง

ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน:

Super Floss: เป็นไหมขัดฟันที่มีส่วนปลายแข็ง สามารถสอดใต้เส้นลวดได้ง่าย

Floss Threader: เป็นอุปกรณ์ช่วยนำไหมขัดฟันธรรมดาให้สอดใต้เส้นลวดได้

ใช้น้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์: เลือกชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยลดแบคทีเรียและเสริมความแข็งแรงของเคลือบฟัน

พกชุดทำความสะอาดฟัน: เตรียมแปรงสีฟัน แปรงซอกฟัน และไหมขัดฟันขนาดพกพาไว้เสมอ เพื่อให้สามารถทำความสะอาดฟันได้ทุกที่ทุกเวลา


2. การเลือกรับประทานอาหารอย่างระมัดระวัง:

หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง: เช่น น้ำแข็ง ถั่ว ลูกอมแข็ง ขนมปังกรอบแข็งๆ เพราะอาจทำให้แบร็กเก็ตหลุด หรือลวดบิดงอได้

หลีกเลี่ยงอาหารเหนียว: เช่น หมากฝรั่ง ลูกอมเคี้ยวหนึบ คาราเมล เพราะจะติดเครื่องมือและดึงให้เครื่องมือหลุดได้

หลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องกัดหรือดึง: เช่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง (ควรหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ) เนื้อสัตว์ที่เหนียว หรือไก่ทอดที่ต้องกัดออกจากกระดูก

ลดอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง: เช่น ลูกอม ขนมหวาน น้ำอัดลม เพราะน้ำตาลจะติดอยู่กับเครื่องมือและทำให้เกิดฟันผุได้ง่ายขึ้น


3. การดูแลเครื่องมือจัดฟันและช่องปาก:

ใช้ขี้ผึ้งจัดฟัน (Orthodontic Wax): หากมีแบร็กเก็ตหรือลวดทิ่มปาก ทำให้เกิดแผล หรือระคายเคือง ให้ใช้ขี้ผึ้งที่ทันตแพทย์ให้มาแปะทับบริเวณนั้น

ระมัดระวังการทำกิจกรรม: หากเด็กเล่นกีฬาที่มีการปะทะ ควรใส่ Mouthguard (ที่ครอบฟันกันกระแทก) เพื่อป้องกันการบาดเจ็บต่อช่องปากและเครื่องมือจัดฟัน

แจ้งทันตแพทย์ทันทีเมื่อเครื่องมือเสียหาย: หากแบร็กเก็ตหลุด ลวดหลุด ลวดทิ่ม หรือเครื่องมือเสียหายอื่นๆ ควรรีบติดต่อคลินิกทันตกรรมโดยเร็วที่สุด ไม่ควรพยายามแก้ไขเอง


4. การมาพบทันตแพทย์ตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ:

ห้ามเลื่อนนัดบ่อยๆ: การมาพบทันตแพทย์ตามนัดหมายเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ทันตแพทย์สามารถปรับเครื่องมือ ประเมินความคืบหน้า และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที การเลื่อนนัดบ่อยๆ จะทำให้การรักษานานขึ้นและผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามแผน


5. การสร้างทัศนคติที่ดีและวินัยให้กับเด็ก:

พูดคุยและให้กำลังใจ: อธิบายให้เด็กเข้าใจถึงความสำคัญของการจัดฟัน และให้กำลังใจเมื่อเด็กต้องเผชิญกับความไม่สบายตัวหรือข้อจำกัดต่างๆ

ผู้ปกครองเป็นตัวอย่าง: แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปาก และช่วยดูแลการทำความสะอาดฟันของเด็กอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเด็กเล็ก

สร้างวินัย: การจัดฟันต้องอาศัยวินัยและความรับผิดชอบของเด็กอย่างมาก ผู้ปกครองควรช่วยปลูกฝังนิสัยที่ดีเหล่านี้

การปฏิบัติตามข้อแนะนำเหล่านี้อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้เด็กมีสุขภาพฟันที่ดีตลอดระยะเวลาการจัดฟัน และได้ผลลัพธ์ของรอยยิ้มที่สวยงามและสุขภาพช่องปากที่แข็งแรงในที่สุดค่ะ

10
รถยนต์ไฟฟ้า 2025: เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz E-Class E 350 e Exclusive ปี 2024
3,650,000 บาท

เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz E-Class E 350 e Exclusive ปี 2024
Mercedes-Benz E 350 e Exclusive ยนตรกรรมระดับไอคอนที่ผสานความเป็นเลิศในทุกด้าน ทั้งดีไซน์สุดลักชัวรี เทคนิคที่ล้ำสมัย และความสะดวกสบายชั้นเยี่ยม พร้อมการกลับมาอีกครั้งของการออกแบบระดับตำนานที่แสดงถึงความหรูหราและเอกลักษณ์เฉพาะตัวกับโลโก้ “ดาวลอย” (MB logo on bonnet) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปดาวสามแฉกอันโดดเด่น ที่ติดตั้งอยู่บนฝากระโปรงหน้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเทคโนโลยี Plug-in HYBRID เจเนอเรชันที่ 4 ที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ทั้งความจุของแบตเตอรี่ Li-Ion ที่มีความจุมากถึง 25.4 kWh ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือ Electric mode ได้ไกลมากกว่า 100 กิโลเมตร (WLTP) และการปรับปรุงมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีพละกำลังมากกว่าเดิม โดยเมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ จะมอบกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 550 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.4 วินาที รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 55 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% เพียง 30 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWใช้เวลาชาร์จจาก 0–100% ในระยะเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                Mercedes-benz
   รุ่น                     เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz E-Class E 350 e Exclusive ปี 2024
   ประเภทรถ            รถเก๋ง 4 ประตู, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว            2024
   ราคา                  3,650,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (กระจังหน้าแบบ Mercedes–Benz pattern แบบเรืองแสง, ตกแต่งรอบคันแบบ EXCLUSIVE)
ไฟหน้า (ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติแบบ Adaptive Highbeam Assist)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (ระบบปิดประตูแบบ Power closing, แผ่นรองกันกระแทกใต้ห้องเครื่อง)
ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต (AGILITY CONTROL)
ไฟหน้า LED (High Performance)
ขนาดยางหน้า-หลัง (หน้า 245/45 R19, หลัง 275/40 R19)
ล้ออัลลอย (5-spoke light-alloy ขนาด 19 นิ้ว)
ยางอะไหล่สำรอง (จะได้ชุดอุปกรณ์ปะยางฉุกเฉินแบบ TIREFIT)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (ด้านบนของคอนโซลหน้า และด้านบนของแผงประตู หุ้มด้วยหนัง ARTICO ตกแต่งลายแบบ Nappa, ตกแต่งห้องโดยสารแบบ EXCLUSIVE, กาบบันไดเรืองแสงพร้อมสัญลักษณ์ Mercedes–Benz,ตกแต่งห้องโดยสารแบบ Black open–pore wood ash backlit trim with Mercedes – Benz pa)
พวงมาลัยหุ้มหนัง (Nappa)
กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)
ม่านบังแดด (ประตูหลังซ้าย–ขวา, ด้านหลังเลื่อนขึ้น-ลง ด้วยระบบไฟฟ้า)
อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (ไฟเรองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร Ambient Lighting)
อุปกรณ์วัดความเร็วสะท้อนกระจก Head Up Display

สเปค
   เครื่องยนต์           เบนซิน แถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ / มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 95 แรงม้า รวมให้กำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)        1,999 CC
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)     204 แรงม้า
   ระบบเกียร์                      เกียร์อัตโนมัติแบบ 9AT
   รูปแบบเกียร์                   9G–TRONIC
   ระบบเบรค ABS               มี
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง       เบนซิน 95, เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, เบนซิน E20, ไฮบริด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)       50 ลิตร
   ระบบจ่ายน้ำมัน               หัวฉีดอีเล็กทรอนิกส์
   น้ำหนักตัวรถ                   -
   ประเภทยางรถยนต์            -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)              ล้ออัลลอย (5-spoke light-alloy ขนาด 19 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน             ขับเคลื่อนล้อหลัง

ระบบความปลอดภัย
  อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP)
ดิสก์เบรก 4 ล้อ ((จานเบรกคู่หน้าขนาดใหญ่พร้อมรูระบายความร้อน))
กุญแจรีโมท (KEYLESS–GO)
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบแสดงสถานะลมยางพร้อมระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง, ระบบรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร,ระบบสร้างเสียงจําลอง สําหรับเตือนผู้ใช้ถนน, ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ,ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย)
เข็มขัดนิรภัย (แบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง)
ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (และระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill–Start Assist)
ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE system)
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ
กล้อง (แสดงภาพรอบทิศทาง)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) (Blind Spot Assist)
เสียงเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย (สําหรับผู้โดยสารด้านหลัง)

11
motor show 2025: Nissan ขยายเครือข่ายเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ นิสสัน ชลบุรี มอเตอร์ เอ็กซ์เพรส แห่งใหม่ใน จ.ชลบุรี

นิสสัน ประเทศไทย ขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย สานต่อความมุ่งมั่นในการให้บริการลูกค้าทั่วประเทศ ด้วยการเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการ นิสสัน ชลบุรี มอเตอร์ เอ็กซ์เพรส แห่งใหม่ในอำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

โชว์รูม นิสสัน ชลบุรี มอเตอร์ เอ็กซ์เพรส แห่งใหม่นี้ เป็นศูนย์บริการครบวงจรแบบ 3S (จำหน่ายรถยนต์, ศูนย์บริการ, อะไหล่แท้) ที่มีความพร้อมสำหรับบริการลูกค้าในทุกด้าน ตั้งแต่ การจำหน่ายรถยนต์ใหม่ทุกรุ่น รวมถึงมีศูนย์บริการมาตรฐานที่มีทีมช่าง ผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์มาตรฐานสูง พร้อมทั้งศูนย์ซ่อมสี และตัวถัง ที่ใช้อะไหล่แท้ และที่มีประสิทธิภาพ มอบความมั่นใจสูงสุด ครอบคลุมการบริการทุกรูปแบบตามที่ลูกค้าต้องการ

โทชิฮิโระ ฟูจิคิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย และนิสสัน อาเซียน กล่าวว่า “การเปิดโชว์รูม นิสสัน ชลบุรี มอเตอร์ เอ็กซ์เพรส ในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการให้บริการลูกค้าในจังหวัดชลบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง เราขอขอบคุณพันธมิตรผู้จำหน่ายที่เชื่อมั่นในแบรนด์นิสสันและร่วมเดินทางไปกับเราในเส้นทางนี้ เราจะร่วมกันส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ยอดเยี่ยม เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าชาวไทย นิสสันยังคงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และโชว์รูมแห่งใหม่นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นในทุกภูมิภาค เราหวังว่าจะได้เติบโตและสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต”

สมพงษ์ ชัยสมบูรณ์สุข กรรมการผู้จัดการ นิสสัน ชลบุรี มอเตอร์ เอ็กซ์เพรส กล่าวว่า “เรามีความเชื่อมั่นในแบรนด์นิสสันมาโดยตลอด เรามั่นใจในมาตรฐาน คุณภาพ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงการบริหารงานด้านการบริการหลังการขาย จึงเป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจเปิดโชว์รูมแห่งใหม่นี้ เรามุ่งมั่น และพร้อมที่จะให้บริการอย่างครอบคลุมในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อให้ลูกค้ามีความพึงพอใจสูงสุด”


สำหรับโชว์รูม นิสสัน ชลบุรี มอเตอร์ เอ็กซ์เพรส ตั้งอยู่บนถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี มีพื้นที่จัดแสดงรถยนต์ที่กว้างขวาง พร้อมศูนย์บริการหลังการขายแบบครบวงจร เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 08.00–17.00 น. โดยแผนกขายเปิดให้บริการเพิ่มเติมในวันอาทิตย์ เวลา 09.00–16.00 น. ลูกค้าในจังหวัดชลบุรีและพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเข้ามาสัมผัสประสบการณ์กับรถยนต์นิสสันและบริการต่าง ๆ ได้ด้วยตนเองที่โชว์รูมแห่งใหม่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้านิสสัน โทร. 02-401-9600 หรือ เว็บไซต์ นิสสัน ประเทศไทย
 

12
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส ต้องขูดหินปูนก่อนเข้ารับการรักษาหรือไม่
 
สุขภาพช่องปากและฟันก่อนเข้ารับการจัดฟัน ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องมีความพร้อมในการที่จะเข้ารับการรักษาเพื่อที่จะได้มีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ หลายคนที่เคยมีปัญหาเรื่องของฟันผุ แน่นอนว่า การเกิดจากการที่เราไม่ดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันของเราไม่ดีเท่าที่ควร จนทำให้เกิดคราบสะสม จนเกิดหินปูน

ซึ่งคราบหินปูนนั้น เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดฟันผุและนำไปสู่การสูญเสียฟัน ซึ่งหินปูน เกิดจากการพัฒนามาจากคราบแบคทีเรีย คราบพลาค มีลักษณะคล้ายฟิล์มใสๆ บางๆ เกาะตัวอยู่บริเวณโคนฟันใกล้ขอบเหงือก อาจมีสีออกเหลือง หรือเทาได้เล็กน้อย โดยคราบเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้แม้หลังการแปรงฟันเพียง 2-3 นาที เป็นเมือกใสๆ ของน้ำลายมาเกาะที่ตัวฟัน หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ แคลเซียมในอาหารก็จะเข้ามาเกาะรวมอยู่ด้วย จนทำให้เกิดเป็นคราบแข็งที่ติดแน่นมาก จนกลายเป็นหินปูนที่เราไม่สามารถแปรงฟันออกได้ด้วยตนเองในที่สุด ต้องให้ทันตแพทย์เป็นผู้ขูดหินปูนออกให้เท่านั้น สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับหินปูนและมีปัญหาฟันร่วมด้วยและอยากที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใส คงมีคำถามว่า จะต้องขูดหินปูนก่อนเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใสหรือไม่
 
ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของการขูดหินปูนและการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการจัดฟันแบบใส ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงเรื่องของขั้นตอนการจัดฟันแบบใสก่อนว่า มีขั้นตอนอย่างไร ซึ่งจะเป็นการตอบคำถามได้ดีว่า ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องขูดหินปูนก่อนเข้ารับการรักษาหรือไม่ ขั้นตอนแรกก่อนที่เราจะเตรียมตัวเข้ารับการจัดฟันแบบใส เราจะต้องทำการปรึกษาปัญหาที่ต้องการจัดฟัน


โดยทันตแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะสามารถเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใสได้หรือไม่ รวมไปถึงขั้นตอนการตรวจประเมินช่องปากก่อนเข้ารับการรักษาด้วย แต่ประเด็นที่บอกว่า จะต้องเข้ารับการขูดหินปูนก่อนการรักษานั้น แน่นอนว่าถ้าหากทันตแพทย์ตรวจพบคราบหินปูนขณะประเมินช่องปาก ผู้เข้ารับการจัดฟันก็ต้องเข้ารับการขูดหินปูน เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง แต่หากเข้ารับการจัดฟันไปแล้ว แล้วมีคราบหินปูน ทันตแพทย์ก็สามารถขูดหินปูนให้ได้ โดยไม่มีปัญหาในเรื่องของเครื่องมือการจัดฟัน


เพราะเนื่องจากเครื่องมือการจัดฟันแบบใสที่สามารถถอดออกได้ง่าย สะดวก จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันอยู่แล้ว จึงทำให้มั่นใจได้เลยว่า ในเรื่องของการขูดหินปูนในระหว่างการจัดฟันแบบใส จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ในเรื่องของการทำความสะอาดของฟันสำหรับทันตแพทย์นั้น ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจช่องปากและฟันประจำปีอยู่แล้ว ควรเข้าพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีในระยะยาว ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับช่องปากและฟันของเราได้ ให้สามารถพร้อมเข้ารับการจัดฟันได้ทันที ดังนั้น การขูดหินปูน จึงอยู่ในขั้นตอนการวางแผนการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใสอยู่แล้ว เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดฟันผุได้อย่างดีเลยทีเดียว ทั้งนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันได้อีกด้วย


อย่างไรก็ตาม หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันด้วยการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์มาอย่างยาวนาน เพื่อให้ผู้เข้ารับการจัดฟันได้รับการบริการที่มีความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ทางคลินิก เรายังได้รับรองสูงสุดจาก invisalign ให้สามารถให้บริการการจัดฟันแบบใสได้อย่างตามมาตรฐานสากล จึงมั่นใจได้ว่า คุณจะมีฟันที่สวยงาม ช่วยส่งเสริมให้มีบุคลิกภาพที่มั่นใจ มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

13
หมอออนไลน์: รกลอกตัวก่อนกำหนด (Placental abruption/Abruptio placentae)

รกลอกตัวก่อนกำหนด หมายถึง ภาวะที่รกลอกหลุดจากผนังมดลูกก่อนกำหนดการคลอด ทำให้มีเลือดออกอยู่ภายในมดลูก (ซึ่งอาจไม่ออกมาจากทางช่องคลอดให้เห็นก็ได้) และอาจทำให้ทารกในครรภ์ขาดเลือดเลี้ยง เป็นภาวะที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่อาจเป็นภาวะฉุกเฉินที่มีอันตรายร้ายแรงต่อมารดาและทารกในครรภ์ได้ มักจะเกิดในครรภ์อายุมากกว่า 7 เดือนขึ้นไป


สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด ส่วนน้อยอาจเกิดจากการบาดเจ็บที่บริเวณท้อง (เช่น หกล้ม อุบัติเหตุจากรถยนต์) หรือสูญเสียน้ำคร่ำมากเนื่องจากเยื่อถุงน้ำคร่ำแตก (น้ำเดิน) ก่อนกำหนด 

ผู้หญิงที่อายุมากกว่า 40 ปี หรือเป็นความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่หรือเสพโคเคน มีครรภ์แฝดหรือครรภ์เป็นพิษ มีการอักเสบภายในถุงน้ำคร่ำ หรือเคยมีภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดมาก่อน มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้มากกว่าปกติ


อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้อง ปวดหลัง และท้องเกร็งแข็งเป็นพัก ๆ คล้ายการคลอดบุตร อาจมีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อยหรือไม่มีเลือดออกให้เห็น

ในรายที่มีเลือดออกรุนแรงจะมีอาการซีด ตัวเย็น เหงื่อออก ชีพจรเร็ว ความดันตก ใช้เครื่องฟังตรวจเสียงหัวใจของทารกในท้องจะไม่ได้ยิน

ในรายที่มีเลือดออกไม่มาก อาจมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อยเป็นครั้งเป็นคราว ทารกในครรภ์มีตัวเล็กกว่าปกติเนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง

ภาวะแทรกซ้อน

มารดาอาจเกิดภาวะช็อกจากการตกเลือด หากรักษาไม่ทัน อาจทำให้มารดาและทารกตายได้

บางรายอาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน หรือมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือดแทรกซ้อนได้

ทารกอาจคลอดก่อนกำหนด ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักน้อย หรือทารกตายในครรภ์


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ และจะวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจอัลตราซาวนด์ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ


การรักษาโดยแพทย์

ในรายที่เลือดออกไม่มาก และทารกยังแข็งแรงดี (ได้ยินเสียงหัวใจของทารกเป็นปกติ) หากอายุครรภ์น้อยกว่า 34 สัปดาห์ แพทย์จะให้ผู้ป่วยนอนพักในโรงพยาบาลจนกว่าเลือดจะหยุด หลังจากนั้นให้ผู้ป่วยกลับบ้าน และนัดมาตรวจอย่างใกล้ชิด ในบางรายแพทย์อาจให้มารดากินยาสเตียรอยด์เพื่อช่วยเร่งให้ปอดของทารกเจริญได้เต็มที่ หากจำเป็นต้องทำคลอดก่อนกำหนด

ในรายที่เลือดออกไม่มาก และทารกยังแข็งแรงดี หากอายุครรภ์มากกว่า 34 สัปดาห์ แพทย์อาจทำการคลอดทางช่องคลอดตามปกติ

ถ้าเลือดออกมากอาจต้องให้เลือดและทำการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องโดยด่วน


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น หญิงตั้งครรภ์มีอาการปวดท้อง ปวดหลัง และท้องเกร็งแข็งเป็นพัก ๆ มีเลือดออกทางช่องคลอด ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นรกลอกตัวก่อนกำหนด ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการเลือดออกทางช่องคลอด หรือปวดท้อง
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล แต่อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ได้ด้วยการไม่สูบบุหรี่ และไม่เสพโคเคน ถ้าเป็นโรคความดันโลหิตสูงควรควบคุมให้ได้ผล เวลานั่งรถให้คาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อป้องกันการได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หากมีการบาดเจ็บที่บริเวณท้อง ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว

ผู้ที่เคยมีประวัติเกิดภาวะนี้มาก่อน เมื่อตั้งครรภ์ครั้งใหม่ควรไปฝากครรภ์กับแพทย์แต่เนิ่น ๆ


ข้อแนะนำ

หญิงตั้งครรภ์ที่มีเลือดออกทางช่องคลอด ควรรีบไปพบแพทย์ทุกราย เพราะอาจเกิดจากแท้งบุตร รกเกาะต่ำหรือรกลอกตัวก่อนกำหนดได้

14
การตรวจสอบระบบท่อลมร้อนว่าอยู่ในสภาพพร้อมทำงานหรือไม่

การตรวจสอบระบบท่อลมร้อนเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพพร้อมทำงานและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงงานอุตสาหกรรมหรืออาคารที่ใช้ระบบทำความร้อน การตรวจสอบควรทำอย่างสม่ำเสมอและครอบคลุมทุกองค์ประกอบของระบบ เพื่อป้องกันการสูญเสียประสิทธิภาพ, ความเสียหายของอุปกรณ์, การสิ้นเปลืองพลังงาน, และที่สำคัญที่สุดคือความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

1. การตรวจสอบสภาพทั่วไปและภายนอก (Visual Inspection)

เป็นการตรวจสอบเบื้องต้นที่สามารถทำได้ง่ายและบ่อยครั้ง:

รอยรั่วหรือรอยแยกตามแนวท่อและข้อต่อ:
สังเกตด้วยตาเปล่าว่ามีควัน ไอ หรือลมร้อนรั่วออกมาจากรอยต่อ, ตะเข็บท่อ, หรือรอยเชื่อมหรือไม่
ในกรณีที่ท่อร้อนมาก อาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนสีของฉนวนหรือสิ่งสกปรกที่เกาะบริเวณรอยรั่ว
รอยรั่วทำให้เกิดการสูญเสียความร้อนและลดประสิทธิภาพของระบบ

สภาพฉนวนกันความร้อน:
ตรวจสอบว่าฉนวนหุ้มท่อยังอยู่ในสภาพดี ไม่ฉีกขาด, หลุดร่อน, เปียกชื้น, หรือเสียหายจากสัตว์กัดแทะ
หากฉนวนเสียหาย พื้นผิวท่อภายนอกจะร้อนจัด ซึ่งเป็นอันตรายต่อการสัมผัส และทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน

การรองรับและยึดท่อ (Supports and Hangers):
ตรวจสอบว่าตัวรองรับ, รางแขวน, หรือโครงสร้างที่ยึดท่อลมยังคงแข็งแรงมั่นคง ไม่มีการบิดเบี้ยว, คลายน็อต, หรือเป็นสนิม
ท่อที่ยึดไม่มั่นคงอาจสั่นสะเทือน, เคลื่อนตัว, หรือหลุดลงมาได้

ความเสียหายทางกายภาพของท่อ:
มองหารอยบุบ, รอยแตก, การบิดเบี้ยว, หรือความเสียหายอื่นๆ ที่ตัวท่อ ซึ่งอาจส่งผลต่อการไหลของอากาศหรือความแข็งแรงของท่อ
การสั่นสะเทือนผิดปกติ:
สัมผัสหรือสังเกตดูว่ามีแรงสั่นสะเทือนผิดปกติที่ท่อลมหรือไม่ ซึ่งอาจเกิดจากพัดลมไม่สมดุล, การยึดท่อไม่แน่น, หรือการไหลของอากาศที่ไม่ราบรื่น

การสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรก:
ตรวจสอบภายนอกท่อและบริเวณช่องลมว่ามีการสะสมของฝุ่น, ใยแมงมุม, หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ หรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจบดบังช่องลม หรือเป็นอันตรายหากมีความร้อนสูง


2. การตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์ประกอบ (Component Check)

เป็นการตรวจสอบแต่ละส่วนประกอบของระบบเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้ตามปกติ:

แหล่งกำเนิดความร้อน (Heater/Furnace):
ตรวจสอบว่าฮีทเตอร์หรือเตาเผาทำงานได้ตามปกติ ให้ความร้อนได้ตามที่กำหนด
สำหรับฮีทเตอร์ไฟฟ้า ให้ตรวจสอบขั้วต่อสายไฟและการทำงานของขดลวดทำความร้อน
สำหรับฮีทเตอร์ที่ใช้เชื้อเพลิง ให้ตรวจสอบระบบการเผาไหม้, เปลวไฟ, และการระบายไอเสีย

พัดลม (Fan/Blower):
เสียง: ฟังเสียงการทำงานของพัดลมว่ามีเสียงดังผิดปกติ เช่น เสียงหอน, เสียงเสียดสี, หรือเสียงลูกปืนแตกหรือไม่
การสั่นสะเทือน: ตรวจสอบว่าพัดลมมีการสั่นสะเทือนผิดปกติหรือไม่
ทิศทางการหมุน: ตรวจสอบว่าใบพัดลมหมุนในทิศทางที่ถูกต้อง (ในกรณีที่เพิ่งมีการซ่อมบำรุง)
สายพาน (สำหรับพัดลมแบบสายพาน): ตรวจสอบความตึงของสายพานว่าเหมาะสมหรือไม่ และสภาพสายพานว่ามีการแตกร้าวหรือสึกหรอหรือไม่

แดมเปอร์ (Dampers):
ทดลองเปิด-ปิด หรือปรับตำแหน่งแดมเปอร์แต่ละตัวว่าสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัด
ตรวจสอบว่าแดมเปอร์อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องตามการตั้งค่าการทำงาน (เปิด, ปิด, หรือปรับบางส่วน)

ช่องลมจ่าย (Registers/Diffusers):
ตรวจสอบว่าช่องลมจ่ายไม่มีสิ่งอุดตัน เช่น ฝุ่น, เศษวัสดุ, หรือสิ่งแปลกปลอม
ทดลองสัมผัสลมที่ออกมาว่ามีปริมาณและอุณหภูมิที่เหมาะสมหรือไม่


3. การตรวจสอบด้วยการวัดค่า (Performance Measurement)

เป็นการตรวจสอบเชิงลึกที่ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางและควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ:

วัดอุณหภูมิ:
อุณหภูมิอากาศเข้าและออกที่แหล่งกำเนิดความร้อน: เพื่อประเมินประสิทธิภาพการทำความร้อนของฮีทเตอร์
อุณหภูมิอากาศตามแนวท่อ: วัดที่จุดต่างๆ เพื่อตรวจสอบการสูญเสียความร้อนตลอดแนวท่อลม
อุณหภูมิอากาศที่ปลายทาง/จุดใช้งาน: วัดว่าลมร้อนไปถึงจุดที่ต้องการด้วยอุณหภูมิที่ถูกต้องตามการออกแบบหรือไม่

วัดปริมาณลม (Airflow):
ใช้เครื่องวัดความเร็วลม (Anemometer) หรืออุปกรณ์วัดปริมาณลมโดยตรง (เช่น Hood Anemometer)
วัดปริมาณลมที่ออกจากพัดลม และที่ช่องลมจ่ายแต่ละจุด เพื่อให้แน่ใจว่าลมถูกส่งไปในปริมาณที่ถูกต้องตามการออกแบบ
วัดแรงดันลม (Static Pressure):
ใช้ Manometer หรือเครื่องวัดแรงดัน เพื่อวัดแรงดันสถิตในท่อลม ณ จุดต่างๆ (เช่น ก่อนและหลังพัดลม, ตามแนวท่อ) เพื่อตรวจสอบการสูญเสียแรงดัน และประเมินภาระของพัดลม
วัดกระแสไฟฟ้าของมอเตอร์พัดลม:
ใช้ Clamp Meter เพื่อวัดกระแสไฟฟ้าที่มอเตอร์พัดลมใช้ เพื่อตรวจสอบว่าพัดลมไม่ทำงานเกินกำลัง (Overload)


4. การจัดทำบันทึกและรายงาน (Documentation)
บันทึกผลการตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงวันที่ตรวจสอบ, ผู้ตรวจสอบ, ค่าที่วัดได้, สภาพที่พบ, และข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข
จัดทำรายงานสรุปผลการตรวจสอบ และกำหนดแผนการบำรุงรักษาหรือการซ่อมแซมที่จำเป็น

ความถี่ในการตรวจสอบ:
รายสัปดาห์/รายเดือน: การตรวจสอบสภาพทั่วไปและภายนอกโดยผู้ดูแลโรงงานหรือผู้ใช้งาน
ราย 3-6 เดือน: การตรวจสอบอุปกรณ์ประกอบโดยช่างบำรุงรักษา
รายปี/ราย 1-3 ปี: การตรวจสอบด้วยการวัดค่าและปรับสมดุลโดยผู้เชี่ยวชาญ (Testing & Balancing) หรือตามข้อกำหนดของอุตสาหกรรม

การตรวจสอบระบบท่อลมร้อนอย่างสม่ำเสมอตามหลักการเหล่านี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าระบบของคุณพร้อมทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยอยู่เสมอ การลงทุนในการบำรุงรักษาเชิงรุกนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมใหญ่ในอนาคตและเพิ่มความน่าเชื่อถือในการดำเนินงานของโรงงาน.

15
บริหารจัดการอาคาร: น้ำยาแอร์คืออะไร

หลายคนเข้าใจว่าน้ำยาแอร์เมื่อใช้แอร์ไปก็จะหมดไปเรื่อย ๆ ความเข้าใจนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด น้ำยาแอร์เป็นก๊าซชนิดหนึ่งและไม่สลายตัวโดยง่าย เมื่อถูกนำไปใช้ในวงจรทำความเย็น น้ำยาจะไหลวนเวียนอยู่ภายในระบบท่อน้ำยาไปเรื่อยๆ ดังนั้น โอกาสเดียวที่น้ำยาแอร์จะหายไปก็คือเกิดการรั่วที่จุดใดจุดหนึ่งของท่อน้ำยาเท่านั้น วิธีการหารอยรั่วของระบบท่อน้ำยาที่สะดวกและเป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุด คือการใช้น้ำสบู่ ลูบไปตามท่อตรงจุดที่เกิดการรัวก็จะเกิดฟองสบู่ขึ้น เมื่อพบจุดที่รั่วแล้วก็จะต้องอุดรอยรั่ว เช่น การเชื่อมอุดรอยรั่วนั้นเสีย บางคนอาจจะถูกช่างหัวหมอหลอกเติมน้ำยา ทั้งๆที่จริงแล้ว เราไม่จำเป็นจะต้องเติมน้ำยาแอร์ เพราะน้ำยาแอร์ไม่มีทางหมดไปได้นั่นเอง เผลออาจจะอยู่นานกว่าอายุการใช้งานของแอร์ด้วยซ้ำ แม้ว่าทุกส่วนของแอร์จะมีความสำคัญ และมีการทำงานที่สัมพันธ์กัน แต่ในส่วนของน้ำยาแอร์ แม้จะไม่มีวันหมดแต่ก็มีความสำคัญมาก

เพราะถ้าเกิดการรั่วซึม ก็อาจจะทำให้แอร์ไม่มีความเย็น ซึ่งหากเราเปิดใช้งานแอร์ไปทั้งๆที่ไม่มีน้ำยา ก็จะทำให้เราเปลืองค่าไฟอย่างมหาศาลและไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยก็ได้ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงน้ำยาแอร์ว่าคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลให้เราได้ทราบ เพื่อที่จะได้มีความเข้าใจของกระบวนการการทำงาน เพื่อที่จะได้ไม่โดนหลอกเสียเงินฟรีๆ

ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับน้ำยาแอร์ เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าเครื่องปรับอากาศนั้นมีหลักการทำงานอย่างไร ซึ่งการทำงานของเครื่องปรับอากาศทำให้อากาศในห้องเย็นขึ้น ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเครื่องปรับอากาศนำความเย็นเข้าสู่ห้องแต่เป็นการที่เครื่องปรับอากาศนั้นทำการดึงเอาความร้อนที่อยู่ในระบบหรือก็คือความร้อนที่อยู่ในห้องของเรานั้นออกไปสู่อากาศด้านนอก โดยสิ่งที่ทำหน้าที่ดูดความร้อนหรือนำพาความร้อนออกจากห้องก็คือ น้ำยาแอร์ นั่นเอง ซึ่งเป็นสารเคมีที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีพิษ มีน้ำหนักมากกว่าอากาศ มีจุดเดือดที่ต่ำกว่าสารทั่ว ๆ ไป ซึ่งสารทำความเย็นนี้ก็มีมากมายหลายชนิด โดยสารแต่ละตัวก็จะมีความแตกต่างกันที่คุณสมบัติเฉพาะตัวทางเทคนิค เช่น ความดัน , อุณหภูมิ และค่าความจุความร้อน

ซึ่งการจะเลือกใช้สารทำความเย็นชนิดไหนนั้นปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือขนาดของระบบนั้น ๆ หากพูดตามหลักจริงแล้ว หน้าที่ของสารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ ก็คือ เป็นตัวกลางในการถ่ายโอนพลังงานค่าหนึ่งไปปล่อยยังบริเวณที่มีพลังงานสูงกว่านั่นเอง ทั้งนี้ เมื่อสารทำความเย็นไหลเข้าสู่เครื่องปรับอากาศในห้องจะมีสถานะเป็นของเหลว จากนั้นจะรับเอาความร้อนในห้องไว้และเปลี่ยนสถานะสารเป็นสถานะไอ และจะนำเอาความร้อนที่รับมาไปปล่อยออกสู่อากาศด้านนอก เป็นสาเหตุที่บริเวณตู้แอร์ด้านนอกนั้นมีลมร้อนออกมา และเมื่อปล่อยความร้อนออกไปแล้วก็จะกลายสถานะเป็นของเหลวเพื่อเตรียมเดินทางเข้าไปรับความร้อนในระบบอีกรอบหนึ่ง ซึ่งจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตลอด

การทำงาน ซึ่งส่วนสำคัญในกระบวนการทำงานนั้น น้ำยาแอร์ก็มีส่วนที่จะช่วยทำความเย็นออกมา หากปราศจากน้ำยาแอร์ หรือแอร์มีปัญหาการรั่วซึม นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แอรืไม่เย็น เพราะน้ำยาแอร์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย หากมีการเสื่อมสภาพของสารทำความเย็น การรั่วหรืออุดตันของระบบการไหลเวียนสารทำความเย็นก็สามารถทำให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลงได้ ดังนั้น ควรหมั่นตรวจสภาพเครื่องปรับอากาศและทำความสะอาดอยู่เป็นประจำอยู่เสมอ และควรตรวจเช็ครอยรั่ว หากรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น ก็สามารถให้ช่างที่มีความน่าเชื่อถือหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบได้ หากมีรอยรั่วก็จะได้แก้ไข ให้แอร์สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ย่างไรก็ตาม หากคุณอยากที่จะตรวจสอบหรือเช็คระบบแอร์โดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญ  สามารถขอรายละเอียดได้จากทางเรามีบริการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก  เพราะนั่นหมายถึงอากาศที่ดีที่เราสูดดมเข้าไป ถ้าหากเรามีระบบเครื่องปรับอากาศที่ไม่สะอาดแล้ว อาจจะทำให้เราเสียสุขภาพไปด้วย

หน้า: [1] 2 3 ... 48