โพสฟรี โพสต์ขายของฟรี ลงโฆษณาสินค้าฟรี โฆษณาสินค้าฟรี สมัครสมาชิก ขาย
หมวดหมู่ทั่วไป => โพส เว็บประกาศ, เว็บลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี ซื้อ-ขายออนไลน์ ใหม่-มือสอง โปรโมทสินค้า บ้าน รถ สัตว์เลี้ยง พระเครื่อง ท่องเที่ยว เครื่องสำอาง เสื้อผ้า กล้อง เว็บสมัครงาน, ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 17 มิถุนายน 2025, 22:32:47 น.
-
โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) (https://doctorathome.com/disease-conditions/109)
โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) เป็นโรคมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อลิมโฟไซต์เกิดการเจริญเติบโตผิดปกติและควบคุมไม่ได้ ก็จะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในต่อมน้ำเหลือง (Lymph Nodes), ม้าม (Spleen), ไขกระดูก (Bone Marrow), ทอนซิล (Tonsils) หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่มีเนื้อเยื่อน้ำเหลือง
ระบบน้ำเหลือง (Lymphatic System)
ก่อนจะเข้าใจโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ควรเข้าใจระบบน้ำเหลืองก่อน:
ต่อมน้ำเหลือง (Lymph Nodes): เป็นอวัยวะเล็กๆ รูปถั่วที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ ช่องอก และช่องท้อง ทำหน้าที่กรองเชื้อโรคและผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกัน
หลอดน้ำเหลือง (Lymphatic Vessels): เครือข่ายของท่อที่ลำเลียงน้ำเหลืองไปทั่วร่างกาย คล้ายกับหลอดเลือด
น้ำเหลือง (Lymph): ของเหลวใสที่ประกอบด้วยเม็ดเลือดขาว (ส่วนใหญ่เป็นลิมโฟไซต์) และของเสียที่ถูกกรองออกจากเนื้อเยื่อ
อวัยวะอื่นๆ: ม้าม, ไขกระดูก, ทอนซิล, ต่อมไทมัส (Thymus) และเนื้อเยื่อน้ำเหลืองอื่นๆ ในทางเดินอาหาร
ชนิดของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลักๆ คือ:
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กิน (Hodgkin Lymphoma - HL):
พบได้น้อยกว่า
มีเซลล์ชนิดพิเศษที่เรียกว่า "Reed-Sternberg cells" ซึ่งพบได้ในการตรวจชิ้นเนื้อ
มักเริ่มในต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบ และแพร่กระจายอย่างเป็นระบบจากต่อมหนึ่งไปยังอีกต่อมหนึ่ง
การพยากรณ์โรค (Prognosis) โดยรวมค่อนข้างดี โดยเฉพาะหากตรวจพบในระยะแรก
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองนอน-ฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin Lymphoma - NHL):
พบได้บ่อยกว่า คิดเป็นประมาณ 90% ของผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งหมด
ไม่มี Reed-Sternberg cells
มีหลากหลายชนิดย่อยมาก ขึ้นอยู่กับชนิดของลิมโฟไซต์ที่ผิดปกติ (B-cell หรือ T-cell) และลักษณะการเติบโตของเซลล์มะเร็ง (ช้าหรือเร็ว)
การแพร่กระจายมักจะไม่เป็นระบบและสามารถเกิดขึ้นได้ในต่อมน้ำเหลืองและอวัยวะอื่นๆ ทั่วร่างกาย
การพยากรณ์โรคและการรักษาจะแตกต่างกันไปตามชนิดย่อย
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
สาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยบางอย่างที่อาจเพิ่มความเสี่ยง:
ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง: เช่น ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV, ผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะและได้รับยากดภูมิคุ้มกัน, ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด
การติดเชื้อไวรัสบางชนิด: เช่น Epstein-Barr virus (EBV), Human T-cell leukemia/lymphoma virus (HTLV-1), Human Herpesvirus 8 (HHV-8)
การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด: เช่น Helicobacter pylori (เกี่ยวข้องกับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในกระเพาะอาหาร)
การสัมผัสสารเคมีบางชนิด: เช่น สารเคมีกำจัดศัตรูพืช, ยาฆ่าแมลง
โรคภูมิต้านตนเอง (Autoimmune Diseases): เช่น โรคเอสแอลอี (SLE), โรค Sjogren's syndrome
ประวัติครอบครัว: มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
อายุ: ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนอน-ฮอดจ์กิน
อาการของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
อาการที่พบบ่อยได้แก่:
ต่อมน้ำเหลืองโต: มักเป็นอาการแรกที่สังเกตเห็นได้ มักคลำพบก้อนโต ไม่เจ็บ เคลื่อนที่ได้ยาก ที่คอ รักแร้ ขาหนีบ
อาการ B symptoms:
ไข้สูงโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะไข้ตอนเย็นหรือกลางคืน
เหงื่อออกมากผิดปกติ โดยเฉพาะตอนกลางคืน (Night Sweats)
น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ มากกว่า 10% ของน้ำหนักตัวใน 6 เดือน
อาการอื่นๆ (ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่มะเร็งลุกลาม):
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ซีด (ถ้ามีผลต่อไขกระดูก)
ไอ หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก (ถ้าลุกลามไปช่องอก)
ท้องอืด แน่นท้อง ปวดท้อง (ถ้าลุกลามไปช่องท้อง ม้ามโต หรือตับโต)
ผิวหนังคัน (ในมะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กินบางราย)
ปวดกระดูก (ถ้าลุกลามไปกระดูก)
การวินิจฉัย
การซักประวัติและตรวจร่างกาย: ตรวจหาต่อมน้ำเหลืองที่โตและอาการผิดปกติ
การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy): เป็นวิธีที่สำคัญที่สุดในการวินิจฉัย มักจะตัดชิ้นเนื้อจากต่อมน้ำเหลืองที่โตไปตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อยืนยันชนิดของมะเร็งและชนิดย่อย
การตรวจไขกระดูก (Bone Marrow Biopsy): เพื่อดูว่าเซลล์มะเร็งลุกลามเข้าไขกระดูกหรือไม่
การตรวจเลือด: เพื่อประเมินสุขภาพโดยรวมของร่างกาย และตรวจหาความผิดปกติของเม็ดเลือด
การตรวจภาพวินิจฉัย (Imaging Studies):
CT Scan (Computed Tomography): เพื่อดูขนาดและตำแหน่งของต่อมน้ำเหลืองที่โต และการลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ
PET Scan (Positron Emission Tomography): เพื่อระบุตำแหน่งของเซลล์มะเร็งที่กำลังทำงานอยู่ทั่วร่างกาย ซึ่งมีประโยชน์มากในการประเมินระยะโรคและการตอบสนองต่อการรักษา
การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ฮอดจ์กิน หรือ นอน-ฮอดจ์กิน), ชนิดย่อย, ระยะของโรค, อายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย:
เคมีบำบัด (Chemotherapy): เป็นวิธีการรักษาหลัก โดยใช้ยาเคมีบำบัดหลายชนิดร่วมกัน
รังสีรักษา (Radiation Therapy): ใช้รังสีพลังงานสูงทำลายเซลล์มะเร็ง มักใช้ในระยะแรกๆ ที่มะเร็งยังจำกัดอยู่ในบริเวณเดียว หรือใช้ร่วมกับเคมีบำบัด
การปลูกถ่ายไขกระดูก หรือเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (Stem Cell Transplantation): ใช้ในผู้ป่วยบางรายที่โรคกลับมาเป็นซ้ำ หรือในชนิดย่อยที่มีความรุนแรงสูง เพื่อให้ยาเคมีบำบัดในปริมาณสูงมาก
ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy): ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงกับโมเลกุลหรือโปรตีนที่พบในเซลล์มะเร็ง
ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy): เป็นการรักษาใหม่ที่ใช้ยาเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง (เช่น CAR T-cell therapy หรือ Checkpoint Inhibitors)
การผ่าตัด (Surgery): โดยทั่วไปไม่นิยมใช้เป็นการรักษาหลัก แต่บางครั้งอาจใช้เพื่อตัดต่อมน้ำเหลืองเพื่อวินิจฉัย หรือในกรณีที่มะเร็งเป็นก้อนเดียวและสามารถผ่าตัดออกได้
การพยากรณ์โรค
การพยากรณ์โรคของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรค มะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กินมีการพยากรณ์โรคที่ดีกว่ามะเร็งต่อมน้ำเหลืองนอน-ฮอดจ์กินบางชนิดย่อย หากตรวจพบและรักษาได้ทันท่วงทีในระยะแรกๆ โอกาสหายขาดมีสูง
หากคุณหรือคนรู้จักมีอาการที่น่าสงสัย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำทางการแพทย์ที่ถูกต้องครับ